SET Sideway Up เคาะ 12 หุ้นร้อน เน้นกลุ่ม Laggard
ดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ภาพรวมยังเป็นบวกและมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ อย่างไรก็ตาม การแกว่งตัวระยะสั้นอาจเกิดขึ้นได้ระหว่างวัน ขณะที่หุ้นหลายตัวเข้าเขตซื้อมากเกินไป การลงทุนเน้นกลุ่ม Laggard Play ที่พื้นฐานดี
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.30 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.05 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มการเงิน ก่อนที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะเปิดฉากขึ้นในวันนี้
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ภาพรวมยังเป็นบวกและมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ อย่างไรก็ตาม การแกว่งตัวระยะสั้นอาจเกิดขึ้นได้ระหว่างวัน ขณะที่หุ้นหลายตัวเข้าเขตซื้อมากเกินไป การลงทุนเน้นกลุ่ม Laggard Play ที่พื้นฐานดี หุ้นเด่นเลือก PTT, KBANK, BBL, CPALL, CENTEL, MINT, ERW, STEC, ESSO, AAV, AP และ CK
นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (19 ก.ย.) ยังมีโมเมนตัมเป็นบวก แต่อาจแกว่งตัวมากขึ้นหลังจากขึ้นทดสอบแนว 1,675 จุด และหุ้นหลายตัวเข้าเขตซื้อมากเกินไป อีกทั้งหุ้นหลายตัวก็ได้ทดสอบแนวต้านด้วย ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นเช้านี้บวกมากกว่า 1% เนื่องจากยัง Laggard เมื่อเทียบกับตลาดอื่น ขณะที่ตลาดอื่นเช้านี้บวก 0.1 – 0.2% พร้อมให้ติดตามการประชุมเฟด ในวันที่ 19 – 20 ก.ย.นี้ โดยมีประเด็นน่าติดตามคือการปรับลดงบดุลของสหรัฐฯ
ส่วนบ้านเราจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 27 ก.ย.นี้ ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่าจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่นักลงทุนบางส่วนอาจชิงขายทำกำไรก่อนจากความกังวลอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่หากผลประชุมออกมาจริงไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะทำให้นักลงทุนกลับเข้าไปซื้อคืนได้ พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,660 – 1,675 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ก.ย.) ว่า การแกว่งตัวระยะสั้นอาจเกิดขึ้นได้ระหว่างวัน แต่คงเป้าหมายระยะสัปดาห์ที่ 1,690 จุด ต่อไปโดยกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงาน (PTT), ธนาคาร KBANK BBL) และค้าปลีก (CPALL) คาดว่าจะยังเป็น “กลุ่มนำ” ตลาดต่อไป… ขณะที่ Bond Yield 10 ปีสหรัฐฯ ปรับสูงขึ้นก่อนการประชุม FOMC วันที่ 19 – 20 ก.ย.นี้ พร้อมกับโอกาสขึ้นดอกเบี้ย Fed ในเดือน ธ.ค.เพิ่มขึ้นเป็น 50.6% แต่ยังมองดอกเบี้ยในประเทศยังต่ำต่อไปจนถึงปี 2019
แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มโรงแรมที่กำลังเข้าสู่ช่วง High Season อย่าง CENTEL MINT ERW… ทางกลยุทธ์ชอบ MINT จาก 1) Laggard play ปรับสูงขึ้น 0.6% ในช่วง 5 สัปดาห์ เทียบกับ SET +7%, CENTEL +6.3%, ERW +6.4% 2) กำไรทำ New High +26% เป็น 5.8 พันล้านปีนี้ และ +19% เป็น 6.8 พันล้านปี 2018 และ 3) PE18 ที่ 25 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 30 เท่า “ซื้อ” Laggard play อย่าง STEC ที่ได้ประโยชน์จากการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐฯ และ ESSO คาดกำไร 3Q17 แข็งแกร่งจากค่าการกลั่นสูง US$8-9/bbl และคาดสามารถกลับมาจ่ายปันผลได้ปีนี้ ขณะที่ PE18 ที่ 6.10 เท่า ต่ำที่สุดในกลุ่มโรงกลั่น
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ก.ย.) วาง Filter แนวรับที่ 1,660 จุด กรณียืนได้ทิศทางตลาดยัง Sideway Up โดยมีแนวต้าน 1,680 – 1,700 จุด โดยให้ระมัดระวังมากขึ้นในกรณีดัชนีปรับตัวสูงกว่าระดับ 1,680 จุด แนะนำซื้อหุ้นพื้นฐานดีที่ยัง Laggard เช่น AAV, AP, CK, STEC