โบรกฯเคาะ 10 หุ้นร้อน SET ไซด์เวย์ขาขึ้น
ดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ยัง Sideway ในทิศทางขาขึ้น จากปัจจัยบวกภายในประเทศซึ่งยังมีแนวโน้มที่ดี ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นจะช่วยหนุนการลงทุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน การลงทุนเน้นกลุ่มค้าปลีก และโรงแรม ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวเด่น รวมถึงเก็งกำไรในกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3 จะออกมาดี
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.30 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.21 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ปิดทำนิวไฮ ขานรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาด
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ยัง Sideway ในทิศทางขาขึ้น จากปัจจัยบวกภายในประเทศซึ่งยังมีแนวโน้มที่ดี ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นจะช่วยหนุนการลงทุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน การลงทุนเน้นกลุ่มค้าปลีก และโรงแรม ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวเด่น รวมถึงเก็งกำไรในกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3 จะออกมาดี หุ้นเด่นเลือก CPALL, BEAUTY, HMPRO, ROBINS, MINT, PTT, PTTGC, IVL, ESSO และ SUSCO
นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยถึงดัชนีหุ้นไทยเช้านี้ (30 ต.ค.) มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น จากปัจจัยบวกภายในประเทศ ที่ช่วงนี้บริษัทจดทะเบียนจะเริ่มทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/60 ออกมา และสัปดาห์นี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจในเดือน ก.ย. ซึ่งยังมีแนวโน้มที่ดี ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นจะช่วยหนุนการลงทุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน ทำให้คาดว่าดัชนีมีโอกาสที่จะทดสอบระดับ 1,723 และ 1,729 จุด ซึ่งเป็นยอดสูงเดิมได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ดัชนีอาจมีความผันผวนบริเวณยอดสูงเดิมดังกล่าว เนื่องจากสัปดาห์นี้มีปัจจัยจากต่างประเทศที่ยังต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 31 ต.ค., การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย., การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันที่ 2 พ.ย. ซึ่งตลาดการเงินคาดการณ์ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้, การคัดเลือกผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ ตลอดจนวิกฤตการเมืองในสเปน เป็นต้น พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,708 และ 1,704 จุด ส่วนแนวต้านบริเวณ 1,723 และ 1,729 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (30 ต.ค.) ว่า SET ฟื้นตัวตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นสัญญาณ “บวก” ทางเทคนิค โดย TradeCode ของ SET อยู่ที่ Let Profit Run คงเป้าหมายระยะสัปดาห์ที่ 1,740 จุด หรือสูงกว่านั้น จาก 1) ทรัมป์มีโอกาสเสนอ Powell (dovish stance) ขึ้นเป็นประธาน Fed ต่อจาก Janet Yellen ซึ่ง 2) ราคาน้ำมันดิบ Brent ทำจุดสูงสุดใหม่ +1.9% ที่ US$60.4/bbl หนุนกลุ่มพลังงาน 3) แรงหนุนจากกองฯ LTF ปลายปีนี้อีกประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ขณะที่เสี่ยงที่อาจทำให้การแกว่งตัวของ SET เพิ่มขึ้นคือคดีพัวพันรัสเซียแทรกแซงเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่มีความคืบหน้ามากขึ้น
1.”ซื้อ” กลุ่มค้าปลีก และโรงแรม อย่าง CPALL BEAUTY HMPRO ROBINS และ MINT จาก 1) กำลังซื้อจะฟื้นตัวเด่นในเดือน พ.ย. – ธ.ค.เทียบปีก่อน 2) การเข้าสู่ฤดูใช้จ่ายปลายปี 3) รัฐบาลฯ มีโอกาสใช้นโยบายกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มปลายปี 4) กำลังเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยว
2.”ซื้อ” กลุ่มพลังงาน ชอบ PTT ผลดีราคาน้ำมันฟื้น, ค่าการกลั่นสูง, นำ PTTOR เข้าตลาด, ESSO กำไร 3Q17 จะล้างขาดทุนสะสมหมด เปิดทางปันผล, PE18 ต่ำ 8 เท่า และ SUSCO กำไร 3Q17 โตดี, PE17 11.4 เท่า
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (30 ต.ค.) ประเมินดัชนี SET ยังอยู่ในกรอบ Sideway Up โดยมีแนวรับ 1,705 – 1,710 จุด และแนวต้าน 1,720 – 1,730 จุด โดยได้แรงหนุนจากกลุ่มน้ำมันที่ราคาตลาดโลกทรงอยู่ที่ระดับ 54 ดอลลาร์/บาร์เรล แนะนำซื้อเก็งกำไร PTT, PTTGC, IVL