ชง 11 บจ.เด็ด กำไรสวย-รับผลดีบาทอ่อนกังวลศก.โลกกดดัน รอซื้อช่วงดัชนีอ่อนตัว
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีแนวโน้มอ่อนตัวจากปัจจัยกดดันต่อความชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และปัญหาในกรีซที่ยังไม่ได้ข้อสรุป การฟื้นตัวเป็นไปอย่างจำกัด อย่างไรก็ตามมองว่าการปรับตัวลงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อโดยเฉพาะที่แนวรับ 1,480 จุด โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจในประเทศผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว การลงทุนยังแนะนำหุ้นที่มีผลประกอบการดี และได้ประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่า
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.09 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.46 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง หลังยอดค้าปลีกสหรัฐซบเซากว่าคาดการณ์ ส่งผลให้นักลงทุนกังวลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะเดียวกันค่าเงินเยนที่แข็งค่าส่งผลให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นอ่อนตัว
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีแนวโน้มอ่อนตัวจากปัจจัยกดดันต่อความชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และปัญหาในกรีซที่ยังไม่ได้ข้อสรุป การฟื้นตัวเป็นไปอย่างจำกัด อย่างไรก็ตามมองว่าการปรับตัวลงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อโดยเฉพาะที่แนวรับ 1,480 จุด โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจในประเทศผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว การลงทุนยังแนะนำหุ้นที่มีผลประกอบการดี และได้ประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่า หุ้นเด่นเลือก PTT-PTTEP-TOP-PTTGC-ADVANC-CSS-SEAFCO-DELTA-RCL-SCB และ IRPC
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (14 พ.ค.) ว่า แม้ SET ตอบรับการปรับพอร์ตนักลงทุนต่างชาติจากค่าเงินบาทอ่อนไปแล้ว แต่การฟื้นตัวจะยังจำกัดที่ 1,505 จุด จากปัญหาหนี้กรีซที่ยังไม่มีข้อสรุป อย่างไรก็ตาม มองว่าการปรับลดลงเป็นโอกาส “ซื้อ” โดยเฉพาะที่แนวรับ 1,480 +/- จุด โดยยังเชื่อว่าเศรษฐกิจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว สภาพคล่องในประเทศยังสูง คาดกองทุนออก Trigger Fund เพิ่มเร็วๆ นี้ และความชัดเจนจากร่างรัฐธรรมนูญเปิดทางเลือกตั้งภายในก.ค.นี้
แนะนำ “ซื้อ” DELTA ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 110 บาท จาก 1) DELTA เป็นผู้ผลิตพาวเวอร์ซัพพลาย และการเก็บข้อมูล หรือ Cloud ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น 2) คาดกำไร +7% ปีนี้ และคาดเติบโต 12.5-13% ต่อปีในช่วง 2015-20 หนุน ROE อยู่ในช่วงขาขึ้นตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป 3) อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลน่าสนใจที่ 3.8-5.1% ในปี 2015-17 เทียบกับอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่ลดลง และ 4) ระยะสั้นได้รับผลดีจากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (14 พ.ค.) ว่า ความกังวลต่อเศรษฐกิจไทยชะลอตัวตามโลก รวมถึงแนวโน้มกำไรปี 58 ที่อาจต่ำกว่าคาดยังเป็นปัจจัยกดดันดัชนี กลยุทธ์ยังเน้นเป็นรายหุ้นที่มีผลกำไรโดดเด่น ยังเลือก RCL (FV@B 14.70) เป็น Top Pick นักวิเคราะห์ ASPS ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้น และปรับเพิ่มมูลค่าหุ้นอีก 12.2%
บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ (14 พ.ค.) ว่า ทิศทางตลาด Sideway คาดยังมีความผันผวน ภายใต้ปัจจัยในประเทศ ที่ยังไม่ประเด็นชี้นำใหม่ๆ และอยู่ในช่วงท้ายของการเก็งกำไร ผลประกอบการไตรมาส 1/58 ซึ่งคาดอาจมีการขายทำกำไร (Sell on Fact) หลังประกาศงบการเงินเสร็จ ขณะที่ยังแนะนำให้จับตากลุ่มพลังงาน เช่น PTT, PTTEP, TOP และ PTTGC เป็นต้น ที่คาดได้รับปัจจัยบวก/ลบ จากราคาน้ามัน และ Fund Flow หลังต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่อง แต่มูลค่าลดลงเหลือเพียง 190 ล้านบาท
ด้านประเด็นต่างประเทศยังมีความไม่แน่นอนและอาจกดดันภาพรวมตลาดฯ ทั้งตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐที่ซบเซา แต่ทำให้มีการคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะยังไม่พิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบการประชุม 16-17 มิย. นี้ ขณะที่สถานการณ์กรีซ แม้สามารถชำระคืนหนี้ให้ IMF (ใช้เงินทุนสารองสาหรับ F/X ชำระคืน) ก่อนครบกำหนด 1 วัน แต่กรีซยังคงประสบฐานะปัญหาสภาพคล่อง กรณีเลวร้ายสุดอาจส่งผลกระทบต่อกรีซและอาจลุกลามไปยังประเทศต่างๆ ใน EU หากไม่สามารถเจรจาข้อตกลงกับกลุ่มเจ้าหนี้ได้ ทำให้ตลาดอาจยังมีความผันผวนอยู่
ขณะที่กรีซมีหนี้ที่ครบกำหนดชาระต่อ IMF ในเดือนมิ.ย.รวมแล้วอีกประมาณ 929 ล้านยูโร ยังคงแนะนำให้ติดตามต่อเนื่อง 1) ประเด็นการประมูล 4G ที่เริ่มมีความชัดเจน คาดส่งผลดีต่อผู้ประกอบการโดยเฉพาะ ADVANC และกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการวางโครงข่ายเสา เช่น CSS เป็นต้น และ 2) กลุ่มส่งออก ที่คาดได้ประโยชน์จากเงินบาทที่มีทิศทางอ่อนค่าลง โดยเช้านี้เคลื่อนไหวบริเวณ 33.53-33.55 บาท/USD
หุ้นแนะนำ: SEAFCO
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (14 พ.ค.) คาดการณ์มุมมองทางเทคนิค วานนี้ดัชนีตลาดรีบาวด์ขึ้นจากแนวรับสำคัญที่ 1,485 ถือว่า SET เริ่มเคลื่อนไหวเข้ามาเขต oversold อย่างไรก็ตาม SET ยังไม่สามารถผ่าน MA10 วานนี้ทำให้ยังไม่พบสัญญาณซื้อ คาดว่าในวันนี้ยังเป็นสัญญาณ technical rebound ต่อไปอีก
แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 1,490-1,514
หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไร SCB และ IRPC