SET ผันผวน เลือกเก็งกำไร 10 บจ.เด็ด
ดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้แนวโน้มผันผวนจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะมีการกลับเข้าซื้อสะสมของกลุ่มสถาบันตามแรงซื้อของกองทุน LTF ช่วยพยุงดัชนีในช่วงที่อ่อนตัว การลงทุนเน้นเก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นรายตัวเป็นหลัก
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.35 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.68 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวผันผวน หลังตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์จากข่าวนายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้การซัดทอดทรัมป์ว่าเป็นผู้สั่งการให้เขาทำการติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัสเซียในช่วงที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีที่แล้ว
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้แนวโน้มผันผวนจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะมีการกลับเข้าซื้อสะสมของกลุ่มสถาบันตามแรงซื้อของกองทุน LTF ช่วยพยุงดัชนีในช่วงที่อ่อนตัว การลงทุนเน้นเก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นรายตัวเป็นหลัก หุ้นเด่นเลือก BBL, KBANK, SCB, KTB, TMB, AOT, AAV, ECL, ADVANC และ NOBLE
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (4 ธ.ค.) มีแนวโน้มผันผวน จากความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯ หลังนายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้การซัดทอดนายโดนัลด์ ทรัมป์ว่าเป็นผู้สั่งการให้เขาทำการติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัสเซียในช่วงที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีที่แล้ว ทำให้สร้างความกังวลในตำแหน่งของ “ทรัมป์”
แม้วันศุกร์ที่ผ่านมาวุฒิสภาสหรัฐฯได้อนุมัติผ่านร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯแล้ว แต่เชื่อว่ายังต้องใช้ระยะเวลาในการรวมร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีกับฉบับที่สภาผู้แทนราษฏรได้ผ่านร่างมติไปเมื่อครั้งที่ผ่านมา ดังนั้น กว่าจะนำมาใช้ได้ก็คงจะเป็นปีหน้า
แต่ที่ต้องติดตามเป็นการการพิจารณางบประมาณใช้จ่ายเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐฯในสหรัฐฯชั่วคราว ซึ่งจะต้องอนุมัติงบฯให้แล้วเสร็จภายใน 8 ธ.ค.นี้ ดังนั้นทิศทางตลาดฯจึงเป็นการแกว่งในลักษณะรอความชัดเจนจากปัจจัยในสหรัฐฯ ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะค่อนไปทางลบ
ส่วนบ้านเราคาดว่าจะยังคงได้รับเม็ดเงินจากองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) มาช่วยรองรับความเสี่ยงจากต่างประเทศได้ พร้อมให้แนวรับ 1,690 ถัดไป 1,680-1,685 จุด ส่วนแนวต้าน 1,705-1,710 จุด
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (4 ธ.ค.) มองตลาดหุ้นวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้น และเคลื่อนไหวในกรอบ 1,695 – 1,710 จุด โดยกำลังหลักมาจากการกลับเข้าซื้อสะสมของกลุ่มสถาบันจากแรงซื้อกองทุน LTF ช่วงดัชนีอ่อนตัว
ผลกระทบจำกัดจากแผนปฏิรูปภาษีสหรัฐ: แผนปฏิรูปภาษีฯ สหรัฐผ่านร่างขั้นที่ 1 ซึ่งยังคงต้องทำการแก้ไขในรายละเอียดบางประการ โดย ปธน. ทรัมป์ คาดว่าจะแล้วเสร็จได้ก่อนสิ้นปีนี้ ทางฝ่ายมอง sentiment เชิงบวกระยะสั้นๆ ตามตลาดหุ้นสหรัฐ แต่ในระยะต่อไปอาจมีผลกระทบเชิงลบในแง่การไหลออกของเงินทุนจากภูมิภาคตามมา อย่างไรก็ดี ผลต่อตลาดหุ้นไทยน่าจะมีจำกัดกว่า เพราะสัดส่วนการถือครองหุ้นจากนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังมากอยู่พอสมควร
กลยุทธ์การลงทุน: เลือกเก็งกำไรเป็นรายตัว หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น: ถือรอทำกำไรสำหรับ AAV บนมุมมองเชิงบวกต่อช่วง High season ใน 4Q และ Short MALEE ซึ่งคาดราคายังปรับลงได้อีก หลังเข้าสู่ช่วง Low season การส่งออกต่างประเทศใน 4Q ส่วน ECL และ ADVANC ยังให้ถือรอการฟื้นตัวมองบวกต่อแนวโน้มกำไร ด้าน NOBLE ถือต่อ เทคนิคมองมีโอกาสฟื้นตัวได้
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (4 ธ.ค.) คาดดัชนี SET ยังแกว่งตัวในกรอบ 1,680 – 1,720 จุด แนะนำ Follow Trend ในกรณีผ่าน 1,720 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายมากกว่า 6 หมื่นล้านบาท จะเป็นสัญญาณเพิ่มพอร์ต โดยแนะนำซื้อ BBL, KBANK, SCB, KTB,TMB / กลุ่มท่องเที่ยว AOT, AAV แต่หากลงต่ำกว่าแนวรับ 1,680 จุด แนะนำ Wait & See หรือ ลดพอร์ตลงราว 20%