SET ผันผวน รับปัจจัยลบรอบด้านจัดทีม 12 หุ้นน่าเล่น ช่วงดัชนีขาลง

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ โดยคาดว่าการฟื้นตัวยังไม่ต่อเนื่องหลังปัจจัยภายนอกเป็นลบมากขึ้น หลังจากกรีซขอ IMF เลื่อนชำระหนี้ในวันนี้ไปเป็นปลาย มิ.ย. ขณะที่มองว่าดัชนีจะยังไม่สามารถทะลุแนว 1,500 จุดได้ เนื่องจากตลาดยังขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.27 น. ค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่ 33.71 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์ก เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่ากรีซจะไม่สามารถชำระคืนหนี้ให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ทันกำหนดในวันนี้

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ โดยคาดว่าการฟื้นตัวยังไม่ต่อเนื่องหลังปัจจัยภายนอกเป็นลบมากขึ้น หลังกรีซขอ IMF เลื่อนชำระหนี้ในวันนี้ไปเป็นปลายเดือนมิ.ย. ขณะที่มองว่าดัชนีจะยังไม่สามารถทะลุแนว 1,500 จุดได้ เนื่องจากตลาดยังขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น

หุ้นเด่นเลือก UNIQ-PAF-CK-STEC-SEAFCO-TUF-VNG-RCL-HANA-KBANK-KTB และ SEAFCO

 

นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการและหัวหน้าส่วนงานวิจัย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัว อิงไปในทางขาลง โดยดัชนีคงจะยังไม่สามารถทะลุแนว 1,500 จุดได้ เนื่องจากตลาดยังขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น ขณะเดียวกันตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่เช้านี้จะอยู่ในแดนลบเล็กน้อย หลังจากที่ดาวโจนส์เมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวลงค่อนข้างมากเกือบ 1% ด้านตลาดยุโรปก็ปรับตัวลงกัน

นอกจากนี้ ปัจจัยในประเทศยังไม่มีอะไรเป็นพิเศษ โดยต่างยังรอดูเรื่องกรีซที่ครบกำหนดชำระหนี้ในวันนี้ราว 300 ล้านยูโร ซึ่งก็คาดว่ากรีซจะสามารถชำระหนี้ได้เนื่องจากเป็นจำนวนที่ไม่มาก อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่านักลงทุนยังชะลอการลงทุนอยู่ พร้อมให้กรอบการแกว่งตัวไว้ที่ 1,480-1,500 จุด

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (5 มิ.ย.) มอง SET วันนี้แกว่งไซด์เวย์ โดยคาดว่าการฟื้นตัวยังไม่ต่อเนื่องหลังปัจจัยภายนอกเป็นลบมากขึ้น กรีซขอ IMF เลื่อนชำระหนี้ 300 ล้านยูโรในวันนี้ไปเป็นปลาย มิ.ย. โดยขอรวมการจ่าย 4 งวดของเดือนนี้ไปจ่าย ณ วันที่ 30 มิ.ย. ซึ่งแม้ตามกฎจะยังทำได้แต่สะท้อนว่าการเจรจากับเจ้าหนี้ยังไม่คืบหน้า ขณะที่ IMF ลดคาดการณ์ GDP สหรัฐฯ ปี 2558 จาก 3.1% สู่ 2.5% และแนะนำให้เฟดชะลอการขึ้นดอกเบี้ยไปเป็นปี 2559

ทั้งนี้ในคืนนี้สหรัฐฯ จะรายงานตัวเลขจ้างงาน พ.ค. ซึ่งจะชี้ทิศทางเฟดอีกครั้ง ส่วนสัปดาห์หน้า ปัจจัยสำคัญอยู่ที่การประชุม กนง. วันที่ 10 มิ.ย. ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ KGI คงมุมมองลดดอกเบี้ย 0.25% สู่ 1.25%

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน เก็งกำไรหุ้นเกษตร (STA-KTIS-LST) และ VGI

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (5 มิ.ย.) ว่าการปรับลดลงแรงของตลาดหุ้น Dow Jones ลดลง 0.94% จากความกังวลปัญหาหนี้กรีซ และราคาน้ำมันลดลง US$1.77/bbl จะเป็นปัจจัยกดดัน SET ตั้งแต่เปิดตลาดวันนี้ ด้วยแนวรับ 1,480 +/- จุด

โดยจะเป็นจังหวะ “ซื้อ” หุ้นกลุ่มธนาคารอีกครั้ง โดยเฉพาะ KBANK และ KTB ที่ราคาปรับลดลงแรงตั้งแต่ กนง.ลดดอกเบี้ยในเดือน มี.ค.หรือ -12% และ -21% ตามลำดับ และปัจจุบันซื้อขายที่ PE ต่ำกว่า 10 เท่า แล้ว

สำหรับประเด็นหนี้กรีซ แม้ยังไม่มีข้อสรุป แต่ล่าสุดกรีซซื้อเวลา โดยร้องขอ IMF ชำระเงินกู้รวมกัน 4 งวด US$1.7 พันล้าน ปลายเดือน มิ.ย.นี้

ขณะที่โอกาสในการซื้อเวลาของกรีซต่อ IMF คาดว่าจะทำให้ตลาดกลับมามองปัจจัยบวกอีกครั้ง และแนะนำ “ซื้อ” รับเหมาฯ อย่าง CK-STEC-SEAFCO คาดเห็นพัฒนาการโครงการลงทุนภาครัฐฯ เพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าสายสีส้ม สีชมพู-ส้ม และรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-พัทยา กรุงเทพฯ-หัวหิน

 

บล.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ระบุในบทวิเคราะห์ (5 มิ.ย.) ว่า การฟื้นตัวของดัชนียังเกิดขึ้นเป็นรายกลุ่มที่ราคาหุ้นอาจจะปรับลดลงลึกและลดลงมากกว่าประมาณการกำไรที่ถูกปรับลดลง เช่น ธ.พ. แต่ความผันผวนยังมีอยู่ และน่าจะเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1,500 จุดยังเน้นหุ้นที่ได้ประโยชน์เงินบาทอ่อนค่า (TUF, VNG, HANA, RCL) และยังเลือก HANA(FV@B48) เป็น Top Pick

 

บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ (5 มิ.ย.) ว่า ทิศทางตลาดยังผันผวน คาดมีโอกาสปรับลงตามตลาดต่างประเทศ ภายใต้ปัจจัยเดิมที่กดดันภาพรวมตลาดเพิ่มขึ้น จากสถานการณ์ในกรีซที่ล่าสุดยังไม่สามารถตกลงกันได้

ขณะที่กรีซมีหนี้ที่ครบกำหนดชำระให้กับ IMF งวดแรกในวันนี้ จำนวน 300 ล้านยูโรจากทั้งหมดที่ครบชำระในเดือนมิ.ย. รวม 1,600 ล้านยูโร ซึ่งในกรณีเลวร้ายสุดอาจทำให้กรีซต้องออกจากยูโร และอาจส่งผลกระทบต่อประเทศสมาชิกอื่นๆ

ด้านปัจจัยในประเทศ คาดยังได้รับปัจจัยลบจาก Fund Flow หลังมีแรงขายสุทธิของต่างชาติต่อเนื่อง และคาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากประเด็นเดิม เช่น ความกังวลต่อทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ล่าสุด ธปท. คาด GDP ปี 58 ต่ำกว่า 3.8% และคาดจะมีการปรับลดเป้าหมายในการประชุม กนง. (10/6/58)

อย่างไรก็ตามเริ่มมีการคาดการณ์ว่า กนง. อาจจะมีการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เป็น 1.25% หลังปรับลดลงติดต่อ 2 ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งคาดน่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดฯ

ทั้งนี้แนะนำเก็งกำไรกลุ่มที่อยู่อาศัย เช่น SIRI เป็นต้น อีกทั้งประเด็นที่กระทรวงการคลังจะขายหุ้น ที่คาดเป็น Sentiment ลบ ต่อหุ้นที่กระทรวงการคลังถืออยู่ เช่น PDI, MFC, TMB, NEP, MCOT, THAI, PTT, BCP, AOT และ THL แต่ล่าสุดกระทรวงการคลังออกมาให้ข่าวว่าจะไม่ขายหุ้น

รวมถึงแนะติดตามหุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น TOP, PTTGC, IRPC และ BCP จากค่าการกลั่นที่อยู่ในระดับสูง ประมาณ 8-9 USD/bll และ 1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น CK, ITD, SEAFCO และ UNIQ 2) ค่าเงินบาทที่มีทิศทางอ่อนค่า ล่าสุดเคลื่อนไหวบริเวณ 33.75-33.77 คาดส่งผลดีต่อส่งออก และหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เช่น DELTA, HANA, SMT 3) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC และ TASCO เป็นต้น

หุ้นแนะนำ: SEAFCO

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (5 มิ.ย.) ว่า มุมมองทางเทคนิคยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆในเชิงเทคนิคหลังจาก SET ดีดตัวไม่ว่าจะเป็นการที่ SET เคลื่อนไหวใต้ MA10 และ MA25 รูปกราฟcandlestick ที่ไร้ทิศทาง แต่ SET จะเคลื่อนไหวในกรอบใหม่ที่ 1485-1495 ในทิศทางที่อาจผันผวนอยู่ และมีโอกาสเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างฐาน

แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 1,485-1,495 จุด หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น

แนะนำซื้อเก็งกำไร UNIQ และ PAF

Back to top button