เปิด 3 หุ้นแบงก์อันตราย!NPL เตรียมโผล่อีกเพียบ
3 แบงก์ยักษ์BBL-BAY-KTB เตรียมลุ้นระทึก! งบไตรมาส 2 อาจเจอระเบิดเวลา หลัง “สินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษ” ในไตรมาสแรกปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 4 ปีครึ่ง ส่อกระทบNPL ลุกลามถึงลูกหนี้รายใหญ่จังเบ้อเร่อ
3 แบงก์ยักษ์BBL-BAY-KTB เตรียมลุ้นระทึก! งบไตรมาส 2 อาจเจอระเบิดเวลา หลัง “สินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษ” ในไตรมาสแรกปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 4 ปีครึ่ง ส่อกระทบNPL ลุกลามถึงลูกหนี้รายใหญ่จังเบ้อเร่อ
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซียไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2 ปีนี้ (2558) ของหุ้นกลุ่มธนาคาร อาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยด้านคุณภาพหนี้อีกครั้งหนึ่ง หลังจากในช่วงไตรมาส 1 พบว่า ได้เกิดการขยายตัวขึ้นของ “สินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษ” หรือ Special Mention โดยประเด็นที่น่าจับตามองคือ สินเชื่อเหล่านี้ จำนวนมากเป็นสินเชื่อที่อนุมัติให้กับกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ หรือ Corporate Loan ซึ่งมีโอกาสที่จะสร้างความเสียหายต่อผลประกอบการของธนาคารผู้ออกสินเชื่อได้อย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ สินเชื่อประเภทดังกล่าวที่เพิ่มมากขึ้น เป็นสินเชื่อที่ข้างชำระตั้งแต่ 1-3 เดือน โดยจากการสำรวจของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. พบว่า สัดส่วนของสินเชื่อประเภทนี้ได้ปรับตัวขึ้นจากไตรมาส 4 ปีก่อนหน้า (2557) ที่เคยอยู่ที่ระดับ 2.61% มาอยู่ที่ระดับ 2.81% ของสินเชื่อรวมทั้งหมด และเมื่อสำรวจตัวเลขจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์ 9 แห่ง พบว่า มีการขยายตัวขึ้นกว่า 12.3% จากไตรมาส 4 ปี 2557โดยส่วนใหญ่ เป็นผลกระทบมาจากการค้างชำระหนี้ของกลุ่มธุรกิจรายใหญ่
สำหรับธนาคารที่มี สินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษ เพิ่มมากที่สุด 3 อันดับแรก ประกอบไปด้วย หนึ่ง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBLปรับตัวขึ้น 47.50% สอง ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAYปรับตัวขึ้น 43.17% และสาม ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTBปรับตัวขึ้น 12.90% โดยตัวเลขที่เพิ่มขึ้นของธนาคารทั้ง 3 แห่งเป็นการนำไปเปรียบเทียบกับตัวเลขของไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ขณะที่สถานการณ์เช่นนี้ ถือเป็นความเสี่ยงที่ธนาคารเหล่านี้อาจต้องรายงานสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL เพิ่มขึ้น ในผลประกอบการของไตรมาส 2 ที่กำลังจะสิ้นสุดในวันที่ 30 มิ.ย. 2558
ขณะเดียวกัน หากแม้ไม่นับประเด็นเรื่องสินเชื่อประเภทดังกล่าว สถานการณ์ NPL ในช่วงไตรมาส 2 ปกติก็ไม่ดีอยู่แล้ว โดยมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 อีกหนึ่งระลอก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศยังไม่มีปัจจัยใดๆเข้ามาสนับสนุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในที่นี้หมายถึง การชะลอตัวลงของการใช้จ่ายจากภาคครัวเรือน การหดตัวของภาคการส่งออก และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ ภาครัฐยังมิได้มีการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อมาลงทุนอย่างจริงจังเลยซักที
ด้วยปัจจัยเหล่านี้ ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์มีโอกาสต้องตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มเติม ซึ่งจะมีผลกระทบเชิงลบต่อกำไรสุทธิในไตรมาส 2 มากขึ้นและหากปัญหา NPL ลุกลามสู่กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ต่อไป จะยิ่งถือเป็นการเพิ่มความกังวลและความกดดันต่อหุ้นของกลุ่มธนาคารมากขึ้น ดังนั้นหุ้นกลุ่มนี้จึงถือเป็นกลุ่มน่าเฝ้าระวัง โดยเฉพาะธนาคารที่มีแนวโน้มจะต้องรายงาน NPL สูงที่สุด อย่าง BBL BAY และ KTB แม้ว่าราคา ณ ปัจจุบัน ถือว่าลงมาอยู่ในระดับต่ำ หรือระดับที่น่าสนใจแล้วก็ตาม
อนึ่ง ราคาหุ้น BBL ปิดตลาดรอบเช้า ปิดที่ระดับ 180.00 บาท ลบ 0.50 หรือ 0.28% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 133.72 ล้านบาท
ราคาหุ้น BAY ปิดตลาดรอบเช้า ปิดที่ระดับ 36.25 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 28.92 ล้านบาท
ราคาหุ้น KTB ปิดตลาดรอบเช้า ปิดที่ระดับ 18.10 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 397.24ล้านบาท