SETบ่ายแกว่งกรอบแคบ-รอปัจจัยใหม่เก็บSAMARTช่วงที่เหลือฟื้นต่อเนื่อง

SET ช่วงเช้าเคลื่อนไหวแดนลบสวนทางตลาดภูมิภาคที่อยู่ในแดนบวก เนื่องจากดัชนีหุ้นไทยรับผลกระทบราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น และยังไร้ปัจจัยใหม่เข้ามาช่วยหนุนตลาด ต้องจับตาการประชุมเฟดสัปดาห์หน้าและการชำระเงินของกรีซช่วงปลายเดือน บ่ายนี้คาดว่าตลาดแกว่งแคบ โบรกให้แนวต้าน 1,520 จุด แนวรับ 1,500 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (12 มิ.ย.) เคลื่อนไหวแดนลบสวนทางตลาดภูมิภาค โดยได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น และยังไร้ปัจจัยใหม่เข้ามาช่วยหนุนตลาด

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย แกว่งแคบ ให้แนวต้าน 1,520 จุด แนวรับ 1,500 จุด ขณะที่ตลาดจับตาการประชุมเฟดสัปดาห์หน้าและการชำระเงินของกรีซช่วงปลายเดือนนี้ แนะนำซื้อต่อเนื่องในหุ้นหลัก และลงทุนหุ้นที่กำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาสแรก และมีปัจจัยบวกจากความชัดเจนธุรกิจพลังงานที่เพิ่มขึ้นเช่น SAMART

 

น.ส.ธีรดา ชายยิ่งยงค์ ผุ้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าที่ผ่านมาเคลื่อนไหวในกรอบแคบอิงแดนลบเป็นหลัก สวนทางตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก เนื่องจากตลาดหุ้นไทยยังไร้ปัจจัยใหม่เข้ามาหนุนตลาด อีกทั้งยังได้รับบผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานในวันนี้มีแรงขายออกมามาก

ส่วนปัจจัยที่สำคัญในต่างประเทศจะเป็นการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า และประเด็นของกรีซที่ต้องรออีกทีปลายเดือนนี้

แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดว่าดัชนีหุ้นไทยคงจะยังทรงตัวจากช่วงเช้า และมีการแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยอิงขาลงมากกว่าขาขึ้น เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่โดดเด่นมาช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ พร้อมให้แนวต้าน 1,520 จุด แนวรับ 1,500 จุด

 

บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ ( 12 มิ.ย. ) ภาพรวมตลาดภาคเช้าเคลื่อนไหวในแดนบวก โดยดัชนีปรับเพิ่มขึ้นตามความร้อนแรงของตลาดหุ้นต่างประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยความหวังต่อการเจรจาปัญหาหนี้กรีซ หลังจากผู้นำกรีซเข้าประชุมกับผู้นำของเยอรมันและฝรั่งเศส โดยทุกฝ่ายตั้งใจจะช่วยให้กรีซรอดพ้นจากวิกฤติหนี้ครั้งนี้

แต่ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนออกมา และธนาคารโลก หรือเวิลด์แบงก์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลงสู่ระดับ 2.8% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3% โดยระบุว่ากลุ่มประเทศกำลังพัฒนากำลังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน 

โดย SET ได้แรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคารและวัสดุก่อสร้าง จากการปรับขึ้นของน้ำมันดิบ Brent ดีดตัวแรงต่อเนื่องอีก 1.3% และการคงดอกเบี้ยของ กนง. 1.50% เพราะการส่งออกของประเทศยังไม่กระเตื้อง แต่พร้อมที่จะใช้นโยบายต่อไปหากจำเป็น นอกจากนี้ ในวันที่ 19 มิ.ย. ธปท.เตรียมปรับลดคาดการณ์ GDP สำหรับปีนี้ที่เคยคาดว่าจะโต 3.8% แต่ไม่น่าจะมีน้ำหนักเชิงลบกดดันต่อ SET มากนักหากยังมีค่ามากกว่า 3%

สำหรับแนวโน้มตลาดภาคบ่าย คาดดัชนีแก่วงตัวในกรอบ 1,512-1,536 โดยดัชนีสามารถกลับมายืนเหนือเส้นแนวรับที่ 1,512 ได้อีกครั้ง

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ ( 12 มิ.ย. ) SET เคลื่อนไหวในกรอบแคบ ในรูปแบบบการพักฐานระยะสั้น หลังปรับสูงขึ้นแรงในช่วง 2 วันที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเรามองการพักฐานของ SET เป็นการพักฐานเพื่อรอจังหวะปรับสูงขึ้นต่อระยะสัปดาห์ โดยเราคงเป้าหมายการปรับสูงขึ้นที่ 1,520 เป็นเป้าหมายแรก และถัดไปที่ 1,550 จุด

โดยกลุ่มหุ้นหลักที่แนะนำ “ซื้อ” ต่อเนื่อง ได้แก่ KBANK-KTB-AOT-CK-STEC-SEAFCO-BLA รวมไปถึง SAMART ที่มองว่ากำไร Bottom Out ไปแล้วในไตรมาส 1/15 พร้อมกับความชัดเจนธุรกิจพลังงานที่เพิ่มขึ้น

 

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

TASCO มูลค่าการซื้อขาย 748.44 ล้านบาท ปิดที่ 18.80 บาท เพิ่มขึ้น 1.10 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 603.47 ล้านบาท ปิดที่ 340.00 บาท ลดลง 3.00 บาท

BTS มูลค่าการซื้อขาย 578.95 ล้านบาท ปิดที่ 10.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

JAS มูลค่าการซื้อขาย 508.20 ล้านบาท ปิดที่ 6.10 บาท ลดลง 0.10 บาท

INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 404.35 ล้านบาท ปิดที่ 78.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button