SET ซึมในกรอบ-มีแรงกดดันปัญหาหนี้กรีซสลับเล่น 19 หุ้นเน้นกลุ่มก่อสร้างรับผลดีภาครัฐ

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้คาดอ่อนตัวลง หลังยังมีแรงกดดันจากปัญหาหนี้กรีซ แต่คาดว่าเป็นการปรับตัวลงสร้างฐานรอบใหม่ เนื่องจากยังมีปัจจัยในประเทศหนุนจากที่เริ่มมีสัญญาณการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐชัดเจนมากขึ้น สำหรับหุ้นเด่นวันนี้เน้นกลุ่มก่อสร้าง ได้แก่ NWR, TIPCO, CK, SEAFCO, STEC, KTB, SAMART, KBANK, RS, TSR, STA, UNIQ, PYLON, SCCC, ARROW, ITD, IRPC, PTTGC และ TPIPL


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.11 น. ค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่ 33.81 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ หลังจากมีรายงานว่า กรีซและกลุ่มเจ้าหนี้ยุโรปไม่สามารถตกลงกันได้ในการเจรจาครั้งล่าสุดที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียมเมื่อวานนี้

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้คาดอ่อนตัวลง หลังยังมีแรงกดดันจากปัญหาหนี้กรีซ แต่คาดว่าเป็นการปรับตัวลงสร้างฐานรอบใหม่ เนื่องจากยังมีปัจจัยในประเทศหนุนจากที่เริ่มมีสัญญาณการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐชัดเจนมากขึ้น สำหรับหุ้นเด่นวันนี้เน้นกลุ่มก่อสร้าง ได้แก่ NWR, TIPCO, CK, SEAFCO, STEC, KTB, SAMART, KBANK, RS, TSR, STA, UNIQ, PYLON, SCCC, ARROW, ITD, IRPC, PTTGC และ TPIPL

 

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์( 15 มิ.ย.) ลดมุมมองต่อตลาดหุ้นวันนี้เป็น “กลางถึงลบ” หลังสถานการณ์ในกรีซและอียูไม่เอื้อในเช้าวันนี้ การเจรจาล่าสุดยังไม่ประสบความสำเร็จ ประเด็นที่กรีซยังไม่ยอมรับเงื่อนไขของเจ้าหนี้คือ แนวทางการจัดทำงบประมาณเกินดุล, การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม และการลดสิทธิประโยชน์ในกองทุนบำเหน็จบำนาญ ส่งผลให้เยอรมันเจ้าหนี้รายใหญ่ของกลุ่มอียู เริ่มเปิดประเด็นการหารือถึงการให้กรีซออกจากการเป็นสมาชิกในกลุ่มอียู กลายเป็นประเด็นกดดันตลาดหุ้นเอเชียเช้าวันนี้ และสะท้อนกลับมายัง DJIA Futures ทั้งนี้แนวรับของ SET INDEX ในวันนี้ประเมินไว้ที่ 1,490 จุด+/- ส่วนแนวต้าน 1,510 จุด

อย่างไรก็ตาม สัญญาณการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ เริ่มชัดเจนมากขึ้น หลัง คณะกรรมการ PPP ได้อนุมัติโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะนำร่อง 2 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 6.6 พันล้านบาท และมีแผนที่จะผลักดันโครงการผ่านการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) อีกราว 5.0 แสนล้านบาทในปีหน้า เพียงแต่โครงการลงทุนจากภาครัฐ ยังขั้นตอนในการพิจารณาและอนุมัติ ก่อนเปิดประมูล เราเชื่อว่าจะเห็นตารางการเปิดประมูลงานโครงการต่างๆ ในช่วง 3Q58 และจะเปิดประมูลได้ใน 4Q58 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นปัจจัยที่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศต่างรอดูความชัดเจนดังกล่าว

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญในสัปดาห์นี้ นอกเหนือจากกรณีกรีซแล้ว นักลงทุนทั่วโลกต่างรอดูผลการประชุมเฟดในวันที่ 16-17 มิ.ย. ต่อความเห็นด้านเศรษฐกิจ / เงินเฟ้อ / การจ้างงาน สหรัฐฯ เพือประเมินช่วงเวลาที่เฟดจะตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด

ช่วงสั้น แนะนำให้นักลงทุนติดตามการประกาศสมาชิกเข้า – ออก จากการคำนวณ SET50 / SET100 / SET HD คาดว่าจะประกาศใน 1-2 วันนี้ เป็นจุดที่น่าสนใจเก็งกำไร เช่นเดียวกับการปรับดัชนี FTSE Thailand ณ ราคาปิดวันที่ 19 มิ.ย. เป็นประเด็นเก็งกำไรสัปดาห์หน้า

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ “นักลงทุนที่ขายทำกำไรไปบางส่วนแล้ว การย่อตัวของ SET INDEX วันนี้ เปิดโอกาสสะสมหุ้นเป้าหมาย บนประเด็นคาดการณ์หุ้นเข้า SET50 / SET100 หรือมีประเด็นบวกเฉพาะตัว”

Speculative Buy: NWR / TIPCO

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (15 มิ.ย.) ว่า คาด SET เคลื่อนไหว Sideways สร้างฐานกรอบ 1,495-1,520 จุด รอความชัดเจน 1) ผลการประชุม FOMC วันที่ 16-17 มิ.ย. 2) การประชุม รมต.คลัง EU วันที่ 18 มิ.ย. และ 3) ความพอใจของ ICAO กรณีการแก้ไขมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินของไทยวันที่ 18 มิ.ย.

อย่างไรก็ตามมองการ “พักฐาน” ของ SET เป็นโอกาส “ซื้อ” ด้วยเป้าหมายระยะสัปดาห์ที่ 1,550 จุด จาก 1) เศรษฐกิจ Bottom Out ไปแล้ว และเร่งตัวขึ้น 2) โอกาสในการทำ Window Dressing สิ้นงวด 2Q15 โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคาร 3) Downside Risk ทางพื้นฐานต่ำกว่า PBV 2x หรือ 1,480 จุด จำกัด 4) ดอกเบี้ยในประเทศต่ำ ขณะที่สภาพคล่องสูง

แนะนำ “ซื้อ” รับเหมาฯ อย่าง CK SEAFCO STEC จากการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ล่าสุดคาดประมูลรถไฟฟ้ากรุงเทพ-หัวหิน ภายในปีนี้ รวมถึงกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะถูกทำ Window Dressing อย่าง KTB SAMART KBANK RS

 

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (15 มิ.ย.) เชื่อว่าปัญหากรีซ และแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ ยังกดดันตลาดหุ้นไทย แต่การที่รัฐเร่งให้มีการก่อสร้าง โครงการใหม่ ๆ น่าจะหนุนหุ้นก่อสร้างที่ต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสม (CK) และดีต่อหุ้น ธ.พ. หลังราคา underperform มานาน วันนี้เลือก CK([email protected]) Top pick

 

บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ (15 มิ.ย.) ว่า  ทิศทางตลาด : คาดยังมีโอกาสอ่อนตัวลง? แม้ยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ แต่ภายใต้ปัจจัยเดิมที่คาดยังมีผลต่อภาพรวมตลาดฯ ทั้งบวก / ลบ โดยปัจจัยต่างประเทศ เช่น (+) ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ล่าสุดที่แข็งแกร่ง แต่ (-) จากความเป็นไปได้ที่เฟดจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย สอดคล้องกับถ้อยแถลงของประธานเฟดก่อนหน้านี้ หากการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นไปตามความคาดหมายของเฟด อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป และ (-) สถานการณ์กรีซ ที่ยังมีความไม่แน่นอน การเจรจายังยืดเยื้อและยังไม่สามารถตกลงกันได้ ขณะที่กรีซมีหนี้ที่ต้องชำระให้ IMF งวดเดียว 1,600 ล้านยูโร ในวันที่ 30/6/58 นี้

เช่นเดียวกับปัจจัยในประเทศ คาด (-) จากแรงขายสุทธิของต่างชาติต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา แต่ยังอยู่ในทิศทางเดียวกับภูมิภาค และคาดได้รับการชดเชยเข้ามาบ้างจากสถาบันในประเทศ และ (+) Window Dressing – 2Q/58 วันที่ 30/6/58 ขณะที่คาดมีแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มสื่อสาร ภายใต้ประเด็นการเปิดประมูล 4G ที่ กสทช. จะจัดประมูลคลื่นความถี่ ประเภทละ 2 ใบอนุญาต แบ่งเป็น (1) 1,800MHz ในเดือนพย.  และ (2) ความถี่ 900MHz ในเดือนธค.

โดยยังแนะติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น TOP, PTTGC, IRPC และ BCP ตามการเคลื่อนไหวของค่าการกลั่น ซึ่งช่วงที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 8 – 9 USD/bll (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น CK, ITD, SEAFCO และ UNIQ (3) ค่าเงินบาทที่มีทิศทางอ่อนค่า ล่าสุดเคลื่อนไหวบริเวณ 33.67– 33.69 คาดยังส่งผลดีต่อส่งออก และหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เช่น DELTA, HANA, SMT (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC และ TASCO เป็นต้น

หุ้นแนะนำ : PTTGC

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์(15 มิ.ย.) ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ลงต่อกรอบจำกัด ปัญหากรีซยังกดดันอยู่

คาด SET วันนี้ลงแต่ไม่แรง (แนวรับอิงนักวิเคราะห์เทคนิค 1504 ระดับจิตวิทยา 1500 ) ปัจจัยลบหลักยังเป็นหนี้กรีซ โดยการเจรจารอบล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ล้มเหลว (หลังกรีซยอมปรับสัดส่วนดุลงบประมาณตามที่เจ้าหนี้สั่งแล้ว แต่วิธีการที่กรีซเสนอนั้นเจ้าหนี้ไม่เชื่อว่าจะทำได้) การเจรจารอบถัดไปคือวันที่ 18 มิ.ย.ทั้งนี้ยังคงมุมมองว่ากรีซจะจบดีลได้แต่จะเป็นช่วงใกล้เส้นตาย 30 มิ.ย. ด้านฝั่งสหรัฐ ตลาดรอผลประชุม FOMC คืนัวนพุธนี้เวลาไทย เพื่อหาทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐ หลังตัวเลขสหรัฐ 2 สัปดาห์ล่าสุดกลับมาฟื้นตัว คาด SET ระยะสั้นยังถูกกดดันจากปัจจัยภายนอก ผนวกต่างชาติยังไม่มีสัญญาณกลับเข้าสะสมหุ้น จึงแนะเก็งกำไร เน้นหุ้นขนาดกลางไปก่อน

หุ้นเด่นวันนี้ เก็งกำไร TSR, STA/สะสม กลุ่มรับเหมาฯ+วัสดุ (CK,UNIQ,SEAFCO,PYLON,SCCC,ARROW)

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (15 มิ.ย.) ทิศทางการลงทุนยังถูกกดดันด้วยปัจจัยจากต่างประเทศ คือ การเจรจาหนี้กรีซ ซึ่งต้องติดตามการประชุม รมว.คลังกลุ่มยูโรในวันพฤหัสนี้ และผลการประชุม FOMC ในวันพุธนี้ ขณะที่วันศุกร์ ธปท.อาจจะมีการปรับลดประมาณการณ์ GDP ไทยปีนี้

กลยุทธ์การลงทุน วาง Filter แนวรับที่ระดับ 1,490 – 1,500 จุด หากยืนได้ทิศทางยังเป็นการเก็งกำไรระยะสั้น โดยมีแนวต้านที่ระดับ 1,520 – 1,530 จุด ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไรในหุ้นที่มีโมเมนตัมบวกทางเทคนิค เช่น  ITD, NWR, IRPC, TPIPL

Back to top button