SET ลุ้นไปต่อเชื่อกรีซมีข่าวดีแนะนำซื้อสะสม 4 หุ้นกลุ่มหลัก

SET ช่วงเช้าปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับกลุ่ม TIP เป็นจาก Fund Flow ไหลออกจากตลาดเอเชีย แต่ตลาดหุ้นไทยยังได้รับผลกระทบน้อยสุด โดยนักกลงทุนรอผลการประชุมรมว.คลังยูโรโซน และผลการประชุม FOMC แต่คาดว่า FED คงจะยังไม่ส่งสัญญาณใดๆ เพิ่มเติม บ่ายนี้คาดว่ามีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น หากนักลงทุนได้รับรู้ข่าวดีจากกรีซ พร้อมให้แนวรับ 1,500 จุด ส่วนแนวต้าน 1,510 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (16 มิ.ย.) ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับกลุ่ม TIP แม้ว่า Fund Flow จะไหลออกจากเอเชีย แต่ตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ส่วนปัญหากรีซนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่ามีปัจจัยบวก หลังข่าวล่าสุดออกมาว่ากรีซบรรลุข้อตกลงเป้าหมายงบประมาณปี 2558 กับ IMF แล้ว

ขณะที่นักกลงทุนรอผลการประชุมรมว.คลังยูโรโซนวันที่ 18 มิ.ย.นี้ รวมถึงการประชุม FOMC วันที่ 16-17 มิ.ย. คาดว่าประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) คงจะยังไม่ส่งสัญญาณใดๆ เพิ่มเติม

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่ายตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้น หากนักลงทุนได้รับรู้ข่าวดีจากกรีซ พร้อมให้แนวรับ 1,500 จุด ส่วนแนวต้าน 1,510 จุด ขณะที่แนะนำซื้อสะสมหุ้นกลุ่มหลัก 4 กลุ่มอย่าง 1) รับเหมา 2) ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/58 ออกมาดี, 3) หุ้นกำไร Bottom Out ไปแล้วในไตรมาส 1/58 และจะกลับมาเติบโตตั้งแต่ไตรมาส 2/58 เป็นต้นไป และ 4) “ซื้อ” AOT คาดผู้โดยสารเติบโต 30% จากปีก่อน

 

นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับกลุ่ม TIP คาดว่าส่วนหนึ่งเป็นผลจากข้อมูลเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ที่ระบุว่า Fund Flow ที่ไหลออกใน 1 สัปดาห์ แม้ว่าจะไหลออกจากเอเชียมากถึง 9,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสัดส่วนหลักเป็นการขายออกจากตลาดหุ้นจีน และพบว่า Fund flow ไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ไม่มากนัก

นอกจากนี้ ยังพบว่าตลาดหุ้นไทย Fund Flow ไหลออกน้อยที่สุด และหากธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ประเมินว่าเม็ดเงินจะไหลออกจากตลาดอินโดนีเซียมากที่สุดในกลุ่ม TIP จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ตลาดบ้านเรายืนในแดนบวกได้

ส่วนปัญหาหนี้ของกรีซมีข่าวล่าสุดออกมาว่าโฆษกคณะกรรมาธิการยุโรป เปิดเผยว่า กรีซบรรลุข้อตกลงเป้าหมายงบประมาณปี 2558 กับ IMF แล้ว น่าจะเป็นข่าวดีที่ช่วยหนุนตลาดได้

แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น หากนักลงทุนได้รับรู้ข่าวดีจากกรีซ พร้อมให้แนวรับ 1,500 จุด ส่วนแนวต้าน 1,510 จุด

 

ด้านนายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้พยายามจะยืนเหนือระดับ 1,500 จุด โดยดัชนีอยู่ในลักษณะทรงตัวแม้ว่าจะยังมีแรงกดดันจากปัญหาของกรีซ ซึ่งนักลงทุนกำลังรอผลการประชุมรมว.คลังยูโรโซนวันที่ 18 มิ.ย.นี้ ส่วนการประชุม FOMC วันที่ 16-17 มิ.ย.คาดว่าประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) คงจะยังไม่ส่งสัญญาณใดๆ เพิ่มเติม

ส่วนตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบเล็กน้อย มีเพียงตลาดกลุ่ม TIP ที่ยืนอยู่ในแดนบวกได้ ขณะที่ตลาดเอเชียเหนือติดลบกันเป็นส่วนใหญ่ คาดว่าจะมาจากปัจจัยของแต่ละตลาด อย่างกรณีของตลาดจีนและฮ่องกงได้รับแรงกระทบจากเรื่องมาร์จิ้น ส่วนตลาดเกาหลีไดเรับผลลบจากการแพร่ระบาดของไวรัสเมอร์ส

แนวโน้มช่วงบ่ายคาดว่า ตลาดอาจจะปรับตัวลงมาเคลื่อนไหวในแดนลบได้ หากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา แต่คงแกว่งกรอบแคบมาก โดยให้แนวรับ 1,496-1,490 จุด ส่วนแนวต้าน 1,506-1,510 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ ( 16 มิ.ย. ) SET เคลื่อนไหวในกรอบแคบต่อเนื่อง เพื่อรอความชัดเจนจากการประชุม FOMC และปัญหาหนี้กรีซ ในช่วงกลางสัปดาห์นี้ โดยกลยุทธ์หลัก แนะนำซื้อสะสมหุ้นกลุ่มหลัก 4 กลุ่มอย่าง 1) รับเหมาฯ อย่าง CK STEC SEAFCO ได้รับผลดีจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่เร่งตัวขึ้น

2) ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/58 ออกมาดี อย่าง PTTGC

3) หุ้นกำไร Bottom Out ไปแล้วในไตรมาส 1/58 และจะกลับมาเติบโตตั้งแต่ไตรมาส 2/58 เป็นต้นไป อย่าง SAMART-BLA

4) “ซื้อ” AOT คาดผู้โดยสารเติบโต +30% จากปีก่อน ในเดือน พ.ค. และเติบโตต่อเนื่องในเดือน มิ.ย.จากฐานต่ำในปีก่อน ขณะที่ปีหน้ามีรายได้ค่าเช่าพื้นที่จากดอนเมือง Terminal 2 เพิ่ม ขณะที่ทางเทคนิคดูแนวต้าน 320/333 บาท

โดยระยะสั้นแนะนำเลือกซื้อ กลุ่มหุ้นที่มี Momentum ทางเทคนิคเด่นกว่าตลาด อย่าง SF (Consensus คาดผลการดำเนินงานเติบโตทั้งจากปีก่อน และไตรมาสก่อน ในไตรมาส 2/58 โดยประเมินเป้าหมายทางเทคนิคที่ 7.20 บาท),

ด้าน VGI แม้แนะนำขาย แต่ทางพื้นฐานด้วยเป้าหมาย 3.80 บาท ขณะที่ราคาหุ้น PLANB ที่ปรับสูงขึ้นแรง ทำให้ PE ปี 2558 ปรับสูงขึ้นถึง 48 เท่า ทำให้ VGI ดูน่าสนใจมากขึ้นในเชิง Valuation โดยซื้อขายที่ PE 38x ปีนี้ หรือมี discount อยู่ 26% ซึ่งมีเป้าหมายระยะสั้นที่ 4.90 บาท

 

บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ ( 16 มิ.ย. ) ภาครวมตลาดเช้านี้สวนตลาดอื่น ขณะที่ดัชนีได้รับแรงหนุนจากหุ้น PTT-SCC-AOT-PTTGC-ADVANC และ TRUE โดยหุ้นพลังงานปรับขึ้นมากตามราคาน้ำมันดิบ ส่วนกลุ่มวัสดุก่อสร้างมีความชัดเจนขึ้น และ AOT การขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 มีความคืบหน้าได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการ EIA แล้ว ประมูลภายในสิ้นปีนี้ คาดว่าผู้โดยสารพ.ค.จะเติบโต 30%

ขณะที่ ตลาดสหรัฐและตลาดหุ้นยุโรปต่างปิดลบ หลังจากคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ประกาศว่า กรีซและกลุ่มเจ้าหนี้ยุโรปไม่สามารถตกลงกันได้ในการเจรจาครั้งล่าสุด และยังกดดันให้ตลาดฝั่งเอเชียปรับตัวลดลงด้วย รวมถึงหลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ซบเซา ลดลง 0.2% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการร่วงลงเป็นเดือนที่ 6 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% เพราะได้รับแรงกดดันจากการบริโภคที่อ่อนแอ และการแข็งค่าของดอลลาร์

ทั้งนี้ยังต้องติดตามผลประชุมเฟดวันพุธนี้ (17 มิ.ย.) ในเรืองของการปรับขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงผลการประชุมรมว.คลังยูโรโซนในวันพฤหัส (18 มิ.ย.) เรื่องของการเจรจาหนี้กรีซ และการปรับเป้าจีดีพีของธปท. วันศุกร์นี้

สำหรับแนวโน้มตลาดภาคบ่ายเชิงเทคนิค คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะแกว่งตัวในกรอบ 1,505-1,511 จุด

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

JAS มูลค่าการซื้อขาย 917.38 ล้านบาท ปิดที่ 6.10 บาท ลดลง 0.10 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 551.01 ล้านบาท ปิดที่ 346.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท

TPIPL มูลค่าการซื้อขาย 444.48 ล้านบาท ปิดที่ 2.98 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท

AOT มูลค่าการซื้อขาย 349.28 ล้านบาท ปิดที่ 314.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท

PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 310.36 ล้านบาท ปิดที่ 67.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button