จับหุ้นเทรนด์ Window Dressing ปลาย Q2เก็งกำไรก่อนดัชนีฟื้นตัว เคาะเป้า 1,550 จุด
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย Upside จำกัดระยะสั้น แต่แนะนำซื้อเพื่อคาดหวังการฟื้นตัวในระยะสัปดาห์เป้าหมาย 1,550 จุด การลงทุนเลือกกลุ่มที่ได้ผลดีจากการลงทุนภาครัฐฯ, Window Dressing ปลายไตรมาส 2 และกลุ่มท่องเที่ยว
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.03 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.62 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้น หลังธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้อาจจะไม่รวดเร็วอย่างที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยระยะสั้น Upside จำกัด แต่แนะนำซื้อเพื่อคาดหวังการฟื้นตัวในระยะสัปดาห์เป้าหมาย 1,550 จุด การลงทุนเลือกกลุ่มที่ได้ผลดีจากการลงทุนภาครัฐฯ, Window Dressing ปลายไตรมาส 2 และกลุ่มท่องเที่ยว หุ้นเด่นเลือก ITD-TPIPL-WHA-TASCO-KBANK-KTB-CK-STEC-SEAFCO-AOT-MINT-CKP และ NCH
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (18 มิ.ย.) คงมุมมองการลงทุนเป็น “กลาง” วันที่ 2 พร้อมขยับกรอบแกว่งของ SET INDEX วันนี้ขึ้นเป็น 1,510-1,520/25 จุด ทั้งนี้ติดตามมูลค่าการซื้อขายมีแนวโน้มที่จะขยับขึ้นแตะระดับ 4 หมื่นล้านบาท/วันในเร็วๆ นี้ หาก SET INDEX กลับมายืนเหนือ 1,520 จุดได้ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูง เนื่องจากในช่วงท้ายของเดือนมิ.ย. ยังมีปัจจัยผลักดันจากการทำ Window Dressing ของกองทุนภายในประเทศ
หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการถูกคัดกรองเข้า-ออกจาก SET50 / SET100/ SET HD รอบใหม่ รวมถึงหุ้นที่น่าจะได้อานิสงค์จากการทำ Window Dressing โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มธนาคาร/พลังงาน จะแข็งแกร่งมาเทียบกับค่าเฉลี่ยของตลาด ซึ่งเท่ากับว่า Downside risk ของ SET INDEX ช่วงสั้นนี้เป็นไปอย่างจำกัด
สำหรับความเห็นต่อผลการประชุมเฟด ยังคงยืนยันที่จะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายภายในปีนี้ ด้วยเงื่อนไขภาวะการจ้างงานที่จะขยับดีขึ้นต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้อจะไต่ระดับสู่เป้าหมาย 2% ตลอดช่วงเวลาในระยะกลาง ขณะที่เฟดไม่ได้อ้างถึงประเด็นความเสี่ยงของกรีซแต่อย่างใด อาจเป็นเพราะ ณ ปัจจุบันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงทรงตัว ประเด็นนี้ฝ่ายวิจัยจึงมีความเห็นเป็นกลาง และมีผลต่อภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียเช้าวันนี้เป็นกลางเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศอีกประการคือ การประชุมผู้นำ EU-ECB ในวันนี้ ต่อสถานภาพการเป็นสมาชิกของกรีซ หลังรัฐบาลกรีซ ยืนยันไม่เปลี่ยนแปลงแผนการปฎิรูปเศรษฐกิจตามที่เสนอในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเมินว่า กรณีที่เลวร้ายที่สุด นายกฯ กรีซ จะเสนอให้ทำประชามติ ถึงสถานภาพของการเป็นสมาชิกในกลุ่มอียู และการยอมรับในเงื่อนไขปฎิรูปเศรษฐกิจที่ทางอียูเสนอหรือไม่ ซึ่งเท่ากับเป็นการผลักภาระกลับไปยังประชาชนชาวกรีซในการตัดสินใจและร่วมรับเงื่อนไข
กลยุทธ์การลงทุนแนะนำนักลงทุนทยอยซื้อเก็งกำไรหุ้นเป้าหมายที่จะมีประเด็นบวกช่วงสั้นนี้
Top Pick in Q2/15: ITD/TPIPL/WHA/TASCO
Accumulative Buy: ITD
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (18 มิ.ย.) ว่า แม้โมเมนตัมแข็งแกร่งขึ้นโดยเฉพาะหุ้นใหญ่อย่าง PTT, AOT และ SCC แต่ประเมิน Upside วันนี้จำกัดที่ 1,520 จุด รอความคืบหน้าแก้ไขปัญหาหนี้กรีซในการประชุม รมต.คลัง EU คืนนี้ ขณะที่การประชุม FOMC เมื่อคืนนี้ ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้ แต่การปรับขึ้นดอกเบี้ยจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป
แม้ Upside จำกัดระยะสั้น แต่แนะนำ “ซื้อ” เพื่อคาดหวังการฟื้นตัวในระยะสัปดาห์เป้าหมาย 1,550 จุด: ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) การเร่งตัวของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน หนุนเศรษฐกิจระยะถัดไป (มองการปรับลดประมาณการ GDP ของ ธปท.วันศุกร์นี้มีผลจำกัด) แนะนำ “ซื้อ” CK, STEC และ SEAFCO
2) การ “เก็งกำไร” Window Dressing ปลายไตรมาส 2/15 โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร อย่าง KBANK และ KTB 3) อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเติบโตแกร่ง ขณะที่ ICAO พอใจแผนแก้ไขปัญหาความปลอดภัย แนะนำ “ซื้อ” AOT และ MINT (ราคา Laggard CENTEL มาก และ PE ต่ำกว่า)
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (18 มิ.ย.) ว่า ผลการประชุม Fed ยังไม่รีบร้อนขึ้นดอกเบี้ย พร้อมปรับลดดอกเบี้ยเป้าหมายปี 2559 ลง ช่วยลดแรงกดดันตลาดหุ้นโลก ขณะที่ SET ยังไม่มีประเด็นบวกใหม่ๆ ระยะสั้นยังเน้นที่หุ้นรายตัว และเลือก CK ([email protected]) เป็น Top Pick
บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ (18 มิ.ย.) ว่าทิศทางตลาดมีโอกาสอ่อนตัว แม้ระยะสั้นได้รับปัจจัยหนุนจากประเด็นต่างประเทศ โดยเฉพาะผลการประชุมเฟดที่ส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ แต่อาจจะไม่เร็วกว่าที่มีการคาดหมายก่อนหน้านี้ ซึ่งเฟดคาดมีความเป็นไปได้ที่จะมีการพิจารณาปรับขึ้นในเดือนกย.
แต่คาดยังไม่สามารถชดเชยปัจจัยที่คาดกดดันมากขึ้นถึงสิ้นเดือนมิย.จากสถานการณ์กรีซที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง การเจรจายังยืดเยื้อ ไม่มีความคืบหน้าและยังไม่สามารถตกลงกันได้ ซึ่งกรีซมีหนี้ที่ต้องชำระให้ IMF จำนวน 1,600 ล้านยูโร (หลังจากขอเลื่อนจาก 4 งวด เป็น 1 งวด) ในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ คาดกรณีเลวร้ายสุดอาจทำให้กรีซต้องออกจาก EU และคาดส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังประเทศสมาชิกอื่นๆ
ด้านปัจจัยในประเทศ คาด (-) จากแรงขายสุทธิของต่างชาติ แต่อยู่ในทิศทางเดียวกับภูมิภาค และ (+) Window Dressing ไตรมาส 2/58 วันที่ 30 มิ.ย.นี้ ยังแนะติดตามหุ้นในกลุ่มสื่อสาร ที่คาดมีแรงเก็งกำไรภายใต้ประเด็นการเปิดประมูล 4G ที่ กสทช. จะจัดประมูลคลื่นความถี่ ประเภทละ 2 ใบอนุญาต แบ่งเป็น (1) 1,800MHz ในเดือนพย. และ (2) ความถี่ 900MHz ในเดือนธค.
รวมถึงติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น TOP, PTTGC, IRPC และ BCP ตามการเคลื่อนไหวของค่าการกลั่น ซึ่งช่วงที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 8-9 USD/bll (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น CK, ITD, SEAFCO และ UNIQ
(3) ค่าเงินบาท ล่าสุดเคลื่อนไหวบริเวณ 33.64- 33.69 คาดมีผลต่อกลุ่มส่งออก และหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เช่น DELTA, HANA, SMT ตามค่าเงินบาท (+) หากเงินบาทอ่อนตัว และ (-) หากเงินบาทแข็งค่าขึ้น (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC และ TASCO เป็นต้น
หุ้นแนะนำ: SEAFCO
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (18 มิ.ย.) คาดการณ์มุมมองทางเทคนิค ภาพกราฟของ SET วานนี้ พบว่ารูป candlestick ล่าสุดแสดงการเกิดสัญญาณ breakout ที่ชัดเจนที่แนว 1,508 จุด สัญญาณดังกล่าวทำให้ภาพขาขึ้นจะยังดำเนินต่อไปชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ โดย MACD กำลังเข้าสู่ค่าเป็นบวก (วานนี้อยู่ที่ -0.04 เหนือ siganl line) รวมถึงแพทเทินกราฟเคลื่อนไหวบน MA10 และ MA25 รวมถึงแพทเทิน RSI แสดงภาพการออกจากแนวโน้ม sideway แล้วเช่นกัน
แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 1,505-1,518
หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไร CKP และ NCH