SET บ่ายลุ้น 1,510 จุดแนะเก็งกำไร 8 หุ้นเด่น

SET เช้าปรับขึ้นหลังลงแรงช่วงสัปดาห์ก่อน เริ่มคลายกังวลหลังไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสเมอร์สเพิ่ม ด้านตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก ยกเว้นฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ปัจจัยนอกประเทศติดตามการประชุมฉุกเฉินของ EU ช่วงบ่ายคาดดัชนีหุ้นไทยแกว่งไซต์เวย์ มีกรอบแนวรับ 1,490 จุด ส่วนแนวต้าน 1,500-1,510 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (22 มิ.ย.) ปรับตัวขึ้นหลังสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวลงแรง โดยตลาดคลายกังวลหลังไม่พบผู้ติดเชื้อของไวรัสเมอร์สเพิ่มขึ้นในไทย ด้านตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก ยกเว้นฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียอยู่ในแดนลบ สำหรับปัจจัยนอกประเทศยังต้องติดตามการประชุมฉุกเฉินของ EU คืนนี้

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ดัชนีหุ้นไทยจะแกว่งไซต์เวย์ กรอบแนวรับ 1,490 จุด ส่วนแนวต้าน 1,500-1,510 จุด ทั้งนี้ หากดัชนีสามารถยืนเหนือ 1,500 จุดได้ มีโอกาสที่จะขึ้นทดสอบระดับ 1,510 จุด ขณะที่แนะนำซื้อหุ้นหลักได้แก่ TIPCOCK-STEC-SEAFCOPTTGCSAMART-BLA และ INTUCH

 

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงดัชนีหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้น หลังจากสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวลงแรง โดยปัจจัยการแพร่ระบาดของไวรัสเมอร์สที่ไม่พบการติดเชื้อเพิ่ม ทำให้ตลาดเริ่มคลายความกังวลลง และส่งผลให้หุ้นในหลายกลุ่มดีดตัวขึ้น

สำหรับตลาดหุ้นบ้านเราช่วงนี้ยังไม่มีปัจจัยเชิงบวกที่โดดเด่น อีกทั้งนักลงทุนต่างชาติและสถาบันคงขายทำกำไรอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัพไซต์ของดัชนีค่อนข้างจำกัด

ส่วนปัจจัยภายนอกประเทศให้ติดตามเรื่องหนี้กรีซ ที่ EU จะมีการประชุมฉุกเฉินคืนนี้ ด้านตลาดหุ้นภูมิภาคเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ โดยตลาดกลุ่ม TIP นอกเหนือจากไทย ทั้งฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียอยู่ในแดนลบ

แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดว่าดัชนีหุ้นไทยน่าจะแกว่งตัวไซต์เวย์ โดยให้กรอบแนวรับ 1,490 จุด ส่วนแนวต้าน 1,500-1,510 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ ( 22 มิ.ย. ) ว่า SET เตรียมสร้างฐานใหม่อีกครั้ง หลังจากปรับลดลงแรงก่อนหน้า โดยกลุ่มหุ้นหลักที่แนะนำซื้อ ได้แก่ กลุ่มรับเหมา CK-STEC-SEAFCO คาดกำไรในไตรมาส 2/58 เติบโตดีอย่าง PTTGC ขณะที่หุ้นกำไร Turnaround จากไตรมาส 1/58 อย่าง SAMART-BLA โดยยังมอง Downside Risk จากการปรับลดดอกเบี้ยจำกัด และหุ้นปันผลสูงอย่าง INTUCH คาดให้อัตราผลตอบแทนปันผลกลางปี ที่ 2.8%

ขณะที่ ราคาหุ้น TASCO ปรับตัวสูงขึ้นหลัง Consensus ปรับประมาณการกำไรขึ้น ส่งผลให้มีจังหวะเก็งกำไร TIPCO เนื่องจากราคาปัจจุบันต่ำกว่า Market Cap ของบริษัทลูก หรือ TASCO ถึง 15% ผิดกับในอดีตที่ Market Cap ของ TIPCO สูงกว่า TASCO ประมาณ 78% ในช่วงปี 55-57 ซึ่งมองเป้าหมายระยะสั้นที่ 14.5 เป็นเป้าหมายแรก และถัดไปที่ 15.2 บาท

 

บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ ( 22 มิ.ย. ) ว่า ดัชนีเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกตามภูมิภาค เหนือแนวรับจิตวิทยาที่ 1,500 จุด โดยดัชนีปรับขึ้นได้จากแรงซื้อกลับในหุ้นที่ปรับตัวลงไปแรงอาทิตย์ก่อน CPALL-AOT-SCB-PTT-SCC-PTTGC-BDMS และ IRPC ซึ่งเป็นกลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน โรงแรม โรงหนัง และ ค้าปลีก เพราะปัจจัยลบระยะสั้นจากการตรวจพบผู้ติดเชื้อ MERS รายแรกในไทย และ ICAO ปักธงแดงไทยบนเวปไซต์ 

ขณะที่ ธปท.ปรับลดประมาณการณ์ GDP ปีนี้ลงเหลือ 3% จากเดิมที่ 3.8% เพราะคาดว่าการส่งออกจะติดลบ 1.5% แทนที่จะขยายตัว 0.8% ส่วนการใช้จ่ายภาคเอกชนฟื้นตัวช้ากว่าคาด ขยายตัวเพียง 2% ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดติดลบ 0.5% จากผลของราคาน้ำมันเป็นสำคัญ

ทั้งนี้อิหร่านกำลังอยู่ในช่วงเจรจาเพื่อยุติการคว่ำบาตรส่งออกน้ำมันกับนานาประเทศ โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มยอดการส่งออกน้ำมันได้เป็นเท่าตัวภายใน 6 เดือนหลังการยกเลิกการคว่ำบาตร ส่งผลให้ราคาน้ำมันส่งมอบล่วงหน้าลดลง และจับตา EU จัดประชุมฉุกเฉินวิกฤตหนี้กรีซวันนี้ เมื่อกรีซใกล้ถึงกำหนดจ่ายหนี้ 1.6 พันล้านยูโรแก่ IMF สิ้นเดือน  

แนวโน้มภาคบ่าย หากดัชนีหุ้นไทยสามารถยืนเหนือ 1,500 จุดได้ มีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบ ต้านต่อไปที่ 1,509 

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,552.33 ล้านบาท ปิดที่ 296.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท

TASCO มูลค่าการซื้อขาย 1,149.76 ล้านบาท ปิดที่ 20.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท

TIPCO มูลค่าการซื้อขาย 495.92 ล้านบาท ปิดที่ 14.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 482.49 ล้านบาท ปิดที่ 230.00 บาท ลดลง 1.00 บาท

SCB มูลค่าการซื้อขาย 360.58 ล้านบาท ปิดที่ 160.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button