SET ไซด์เวย์ รอสถานการณ์กรีซชัดเจนสะสม 20 หุ้น Mid caps เก็งงบฯ Q2 สวย

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในกรอบจำกัด ความไม่แน่นอนของกรีซน่าจะยังคงกดดัน upside ของตลาดหุ้นไทย กลยุทธ์ยังเน้นซื้อเก็งกำไรเร็วในหุ้น Mid caps ไปก่อนเพื่อรอดูสถานการณ์กรีซในช่วงกลางสัปดาห์นี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.10 น. ค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่ 33.99 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาดูสถานการณ์หนี้กรีซอย่างใกล้ชิด

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในกรอบจำกัด ความไม่แน่นอนของกรีซน่าจะยังคงกดดัน upside ของตลาดหุ้นไทย กลยุทธ์ยังเน้นซื้อเก็งกำไรเร็วในหุ้น Mid caps ไปก่อนเพื่อรอดูสถานการณ์กรีซในช่วงกลางสัปดาห์นี้

สำหรับหุ้นเด่นวันนี้ ได้แก่  SVI, INTUCH, TRUEIF, AOT, CK, SEAFCO, FSMART,TTA, PSL, TSR, RCL, HANA, TASCO,THCOM, BTS, KBANK, SCN,  EPG, TPCH และ GUNKUL

 

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซต์เวย์ แต่อิงในแดนบวกได้เล็กน้อย โดยตลาดฯกำลังรอลุ้นเรื่องของกรีซอยู่ ภายหลังจากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาการประชุมยังไม่มีข้อสรุป เนื่องจากผู้นำของอียูต้องการที่จะให้เอาแผนปฏิรูปฯของกรีซฉบับใหม่ไปผ่านสภาของกรีซก่อน ซึ่งจะมีขึ้นในวันพุธนี้ ถ้าไม่อย่างนั้นก็จะต้องให้กรีซออกจากยูโรโซนชั่วคราวก่อนเป็นเวลา 5 ปี

อย่างไรก็ดี ตลาดบ้านเราการปรับขึ้นหรือลงคงจะเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากหากขึ้นมาก็อาจจะเจอแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ แต่การปรับตัวลงก็คงจะไม่มากด้วย เพราะตลาดฯกำลังรอดูผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ว่าจะออกมาแย่ขนาดไหน ถ้าไม่แย่อย่างที่คิดก็มีโอกาสที่จะฟื้นตัวได้ ซึ่งก็จับตาที่ NPL ของแบงก์เป็นพิเศษ

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบราว 0.3-0.4% ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่มากนัก ยกเว้นตลาดจีนที่ขึ้น/ลงหวือหวา

พร้อมให้แนวรับ 1,470 จุด ส่วนแนวต้าน 1,485-1,495 จุด

 

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์( 13 ก.ค.) คงน้ำหนักการลงทุนวันนี้เป็น “กลาง” วันที่ 6 พร้อมประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX ระหว่าง 1,475-1,495 จุด มูลค่าการซื้อขายยังคงเบาบาง เพราะความไม่แน่นอนของกรีซน่าจะยังคงกดดัน upside ของตลาดหุ้นไทย แม้ว่าในแง่ของปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจ และการลงทุนของไทยไม่นัยยะสำคัญกับประเด็นดังกล่าวก็ตาม

ประเมินว่า กรีซ และ เจ้าหนี้ใหญ่อียู จะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ หลังผู้นำอียู ยื่นข้อเสนอให้ กรีซ ออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฎิรูปเศรษฐกิจภายใน 3 วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นภาษี VAT, การลดการใช้จ่ายในกองทุนบำเหน็จบำนาญ หรือการนำสินทรัพย์ของรัฐวิสาหกิจกว่า 5.0 หมื่นล้านยูโร ไว้ที่ลักเซมเบอร์ก เพื่อเป็นหลักประกันและให้ดำเนินการแปรรูป รวมถึง หากรัฐบาลกรีซ ไม่ได้ดำเนินการตามแผนที่ตกลงกันไว้ ทางอียู สามารถเข้าแทรกแซงการทำงานของรัฐบาลกรีซได้ทันทีเช่นกัน ดังนั้นใน 3 วันนี้ หากนายกฯ กรีซ สามารถดำเนินการได้ตามข้อเรียกร้อง ผู้นำอียูจะให้เงินกู้ 3 ปี วงเงิน 5.3 หมื่นล้านยูโร แก่กรีวเช่นกัน ทั้งนี้โอกาสที่กรีซจะออกจากยูโรโซนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความจริงใจของนายกฯ กรีซ ในครั้งนี้เช่นกัน

ขณะที่ ความเห็นของประธานเฟดต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่จะขึ้นภายในปีนี้ เป็นไปในทิศทางเดียวกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ จึงไม่น่ามีผลต่อจิตวิทยาการลงทุนมากนัก แต่จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีทิศทางของการแข็งค่า กดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมัน ทางอ้อม อีกทั้งการประชุม World Power เพื่อพิจารณาโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน เลื่อนการตัดสินผลการตรวจสอบออกมาเป็นวันนี้

ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้ กลับให้น้ำหนักกับผลการดำเนินงาน 2Q58 ของกลุ่มธนาคาร ที่จะเริ่มประกาศตั้งแต่วันนี้ นำโดย TISCO หากออกมาใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดการณ์ เชื่อว่า downside risk ของตลาดหุ้นไทยจำกัดมากยิ่งขึ้น แนวรับ 1,460-1,465 จุด จะทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง แต่หากออกมาต่ำกว่าคาด อาจกลายเป็นจุดที่เปิดความเสี่ยงให้แก่ตลาดหุ้นไทยได้ แรงขายหุ้นหลักในกลุ่มธนาคารจะเกิดขึ้นอีกระลอกหนึ่ง

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ “นักลงทุนที่ขายทำกำไรเล่นรอบสั้นไปแล้วในปลายสัปดาห์ก่อน หากหุ้นเป้าหมายปรับฐานลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย อาจเป็นจังหวะของการเข้าเก็งกำไรอีกระลอก” ทั้งนี้เน้นหุ้นที่งบ 2Q58 จะเติบโตเด่น เป็นเป้าหมายหลัก

Accumulative Buy: INTUCH

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (13 ก.ค.) ว่า การประชุมเจ้าหนี้สุดสัปดาห์ให้เวลากรีซ 3 วันจนถึง 15 ก.ค.นี้ ในการผ่านร่างกฎหมาย เช่น การขึ้นภาษีขาย, การลดเงินบำนาญ การลดค่าใช้จ่ายโดยอัตโนมัติหากงบประมาณกรีซไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เพื่อรับเงินช่วยเหลือ ขณะที่กลุ่มเจ้าหนี้ประชุมแผนรอบรับในกรณีที่กรีซจำเป็นต้องออกจากการใช้เงิน EUR ด้วย สำหรับ SET เกิดสัญญาณ “ฟื้นตัว” ทางเทคนิคหลังยืนได้เหนือ 1,480 จุด แนวต้านถัดไปที่ 1,494 จุด

แนะนำ “ซื้อ” SVI ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 5.30 บาท มองเป็น Turnaround Play ด้วยรายได้ 2Q15 กลับมาที่ระดับก่อนไฟไหม้แล้ว และได้รับผลดีจากเงินบาทอ่อนค่า โดยรายได้ 95% มาจากการส่งออก ขณะที่คาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 5.3% ปีนี้ ขณะที่รายกลุ่มอุตสาหกรรมยังชอบสื่อสาร ท่องเที่ยว รับเหมาฯ อย่าง INTUCH TRUEIF AOT CK SEAFCO

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (13 ก.ค.) ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ไซด์เวย์หรือลงกรอบแคบๆ หลังหนี้กรีซยังไม่มีข้อสรุป

คาด SET แกว่งตัวหรือลบเล็กน้อย คาดแรงซื้อฝั่งกองทุนที่เข้ามาเมื่อวันศุกร์อาจไม่ต่อเนื่อง หลังการเจรจาหนี้สินของกรีซกับเจ้าหนี้ไม่ได้ข้อสรุป ทั้งนี้ จากท่าทีที่เปลี่ยนไปๆมาๆของกรีซก่อนหน้านี้ ส่งผลให้เจ้าหนี้ยื่นคำขาดให้กรีซอนุมัติขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ลดเงินบำนาญ รวมทั้งเปิดช่องทางขายทรัพย์สิน และยังต้อง

ให้เจ้าหน้าที่ยุโรปแทรกแซงการออกกฏหมายของกรีซได้ ภายในวันที่ 15 ก.ค.เพื่อแลกกับวงเงินช่วยเหลือกว่า 8 หมื่นล้านยูโรในช่วง 5 ปี ข้างหน้า ด้านฝั่งสหรัฐประธานเฟดยังส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในครึ่งหลังของปี 58 กลยุทธ์สั้นยังเน้นซื้อเก็งกำไรเร็วในหุ้น Mid caps ไปก่อนเพื่อรอดูสถานการณ์กรีซในช่วงกลางสัปดาห์นี้

หุ้นเด่นวันนี้ รับเสี่ยงได้เก็งกำไร FSMART,เรือเทกอง TTA,PSL สะสม TSR

 

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (13 ก.ค.) กลุ่มบันเทิงมีแนวโน้มทำกำไรต่ำกว่าคาด จากเศรษฐกิจในประเทศที่ซึมยาว และยังมีภัยแล้งเข้ามากดดัน เชื่อว่าโอกาสการปรับประมาณการกำไรของตลาดหุ้นไทยยังมีอยู่ ยังเน้นหุ้นที่กำไรเด่นในช่วงที่เหลือ/ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อน (RCL, HANA) หรือทนทานต่อเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัวได้  (TASCO) โดยยังเลือก THCOM(FV@B51) และ BTS(FV@B12) เป็น Top Picks

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (13 ก.ค.) มีมุมมองเป็นกลางต่อตลาดวันนี้ เนื่องจากตลาดได้ปรับขึ้นมาแล้ว 2 วันติดต่อกัน หลังคลายกังวลเรื่องกรีซและความผันผวนของตลาดหุ้นจีน แต่ปัจจัยการเจรจาหนี้กรีซยังยืดเยื้อ และในสัปดาห์นี้ต้องลุ้นผลประกอบการกลุ่มแบงก์ที่คาดว่าจะมีผลประกอบการลดลงทั้ง Q-Q และ Y-Y และอาจจะยังมีแนวโน้มที่จะชะลอลงอีกใน 3Q15 อีกด้วย ดังนั้นตลาดน่าจะ Sideway

Accumulative BUY :  SCN  EPG TPCH และ GUNKUL

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (13 ก.ค.)  ตลาดหุ้นไทยเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาหลังจากสถานการณ์ตลาดหุ้นจีนดีขึ้น และคาดหวังเชิงบวกต่อการเจรจาหนี้กรีซ กลยุทธ์การลงทุน ประเมินหากดัชนีสามารถยืนเหนือแนวรับ 1,475 – 1,480 จุด ยังคาดหวังการฟื้นตัวไปที่ระดับแนวต้าน 1,500 จุด ( Forward P/E 15.5 X ) แนะนำซื้อ KBANK (FV@ 230) เนื่องจากราคาหุ้นได้ปรับตัวสะท้อนข่าวร้ายผลประกอบการ Q2/58 ชะลอตัว และคาดมีแรงซื้อกลับจากการ Cover Short

Back to top button