SET แกว่งกรอบแคบรอปัจจัยใหม่หนุนชง 27 หุ้นภูมิคุ้มกันสูงมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

นักวิเคราะห์คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะยังอยู่ในทิศทางที่ผันผวนในกรอบ 1,480-1,500 จุด เนื่องจากขณะนี้ไม่มีปัจจัยลบ ขณะเดียวกันปัจจัยบวกก็ยังหาไม่เจอ ภายหลังจากเรื่องของกรีซผ่านไปแล้วสำหรับหุ้นเด่นวันนี้เน้นสะสมหุ้นที่พื้นฐานดีมีภูมิคุ้มกันสูง และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.04 น. ค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่ 34.03 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของจีน รวมถึงมติการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ)

สำหรับหุ้นเด่นวันนี้เน้นสะสมหุ้นที่พื้นฐานดีมีภูมิคุ้มกันสูง ได้แก่  BECL, BMCL, STEC, SEAFCO, INTUCH, TRUEIF, AOT, BEAUTY, FORTH, TTA, PSL,TSR, SCN, EPG, TPCH,GUNKUL, TASCO, CK, THCOM, BTS,IRPC, ADVANC,  TRUE, ITD, AKR, DEMCO และ WAVE

 

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะยังอยู่ในทิศทางที่ผันผวนในกรอบ 1,480-1,500 จุด เนื่องจากขณะนี้ไม่มีปัจจัยลบ ขณะเดียวกันปัจจัยบวกก็ยังหาไม่เจอ ภายหลังจากเรื่องของกรีซผ่านไปแล้ว ซึ่งต่อไปก็ต้องรอดูว่ากรีซจะนำเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากแค่ไหน ในแง่ของผลปฏิบัติว่าจะเกิดขึ้นได้ตามแผนปฏิรูปฯที่ให้ไว้ตามสัญญากับเจ้าหนี้หรือไม่ เพราะคนในประเทศกรีซก็มีการคัดค้านกันอยู่พอควร

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก แต่ล่าสุดทางตลาดจีนก็เริ่มที่จะกลับมาติดลบบ้าง ส่วนปัจจัยในประเทศก็ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ ซึ่งทางฝ่ายวิจัยคาดว่ากลุ่มแบงก์งบฯไตรมาส 2/58 จะ drop ลงประมาณ 9% ทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและจากไตรมาสก่อน

 

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์( 15 ก.ค.) คงน้ำหนักการลงทุนวันนี้เป็น “กลาง” วันที่ 8 ลักษณะ Sideways เป็นวันที่ 2 ด้วยกรอบแกว่ง 1,480-1,500 จุด และมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง เช่นเดียวกับวานนี้ หุ้นหลัก อย่างกลุ่มน้ำมัน / กลุ่มธนาคารจะเข้าสู่โหมดพักฐานช่วงสั้น โดยกลุ่มน้ำมัน จะได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับต่ำ หลัง World Power สรุปให้อิหร่านผ่านการตรวจสอบโครงการนิวเคลียร์ ซึ่งสภาคองเกรสสหรัฐฯ จะพิจารณาภายใน 60 วัน เพื่อปลดล็อกมาตรการคว่ำบาตรเศรษฐกิจของอิหร่านที่ทำมาหลายสิบปี ส่วนกลุ่มธนาคาร เราเชื่อว่านักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ wait&see เพื่อรอผลการดำเนินงาน 2Q58 ที่จะทยอยประกาศ โดยเฉพาะหุ้นหลักอย่าง KBANK / SCB / BBL / KTB คาดว่าจะประกาศในช่วงต้นสัปดาห์หน้า

ขณะที่กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / วัสดุก่อสร้าง จะยังมีความโดดเด่น เพื่อตอบสนองการเดินหน้าพิจารณาและอนุมัติแผนการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาลไทย เราเชื่อว่า จากนี้ไป รัฐบาลจะเริ่มทยอยพิจารณาโครงการขนาดใหญ่อื่นๆ ตามมา ทั้งในรูปแบบของการลงทุนทางตรงของรัฐ หรือในรูปแบบร่วมลงทุนระหว่างเอกชนและรัฐ แบบ PPP ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศรอความชัดเจนมาหลายเดือนเช่นกัน

รวมถึงกลุ่ม ICT โดยเฉพาะบริษัทที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพราะตารางการประชุมใบอนุญาต 4G คลื่น 1800 ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เราคาดว่าจะมีแรงสะสมหุ้นทั้ง 3 หลักทรัพย์ ในประเด็นนี้ เราให้น้ำหนักกับ ADVANC เป็นสำคัญ

ด้านความคืบหน้าของกรีซ แนะนำให้นักลงทุนติดตามถึงการพิจารณาร่างกฎหมายต่างๆ ที่สภาฯ จะต้องอนุมัติ เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจและเป็นไปตามเงื่อนไขที่ผู้นำอียูยื่นข้อเสนอ เพื่อแลกกับเงินช่วยเหลือ 3 ปี วงเงินกว่า 8 หมื่นล้านยูโร ณ ปัจจุบันลูกพรรคของนายกฯ กรีซ บางท่าน ไม่เห็นด้วยและเรียกร้องให้คว่ำร่างกฎหมายดังกล่าว ทำให้ประเด็นของกรีซ ยังคงจำเป็นต้องติดตามในช่วงสั้นนี้

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ “นักลงทุนอาจกลับมาทยอยเก็งกำไรหุ้นเป้าหมาย ที่อาจย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย โดยยังคงให้เน้นหุ้นที่งบ 2Q58 จะเติบโตเด่น เป็นเป้าหมายหลัก”

Accumulative Buy: ADVANC/ WAVE

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (15 ก.ค.) ว่า แม้ SET ยังไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 1,494 จุด ไปได้ แต่กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลกระทบจำกัดต่อการบริโภคภายในประเทศ ยังมีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าตลาดได้แก่ 1) กลุ่มรับเหมาฯ ล่าสุด ครม.เห็นชอบมอเตอร์เวย์ 3 เส้นทาง 1.6 แสนล้านบาท เริ่มเปิดประมูลปลายปีนี้ รวมไปถึงรถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน และสนามบินสุวรรณภูมิ รวมกว่า 4 แสนล้านบาท

แนะนำ “ซื้อ” CK (กทพ.อนุมัติควบรวม BECL BMCL แล้ว – ต้าน 28.50)  STEC (ต้าน 24.50) และ SEAFCO (ต้าน 12.4) 2) กลุ่มหุ้นปันผลสูง อย่าง INTUCH (ปันผลกลางปี 2.8% และได้ประโยชน์มากที่สุดจากประมูล 4G) TRUEIF และ 3) กลุ่มท่องเที่ยว อย่าง AOT BEAUTY (ผลทางอ้อมจากการขายสินค้าให้กับนักท่องเที่ยว) ขณะที่ปัจจัยที่ต้องติดตามระยะสั้นได้แก่ 1) สภาฯกรีซจะผ่านร่างกฎหมายรองรับมาตรการรัดเข็มขัดทันเส้นตายเจ้าหนี้วันนี้? 2) ถ้อยแถลงประธาน Fed ต่อสภาคองเกรซ 15-16 ก.ค.นี้

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (15 ก.ค.) ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ฟื้นตัวแต่อยู่ในกรอบจำกัด

คาดดัชนีวันนี้รีบาวด์ คาดปัจจัยภายนอกหนุนแรงเก็งกำไร หลังตลาดเชื่อว่ารัฐสภากรีซจะอนุมัติแผนรัดเข็มขัดในคืนนี้เพื่อแลกกับเงินช่วยเหลือก้อนใหม่ ด้านหุ้นพลังงานอาจฟื้นตัวหลังราคาน้ำมันดิบดีดกลับ แม้ร่วงในช่วงซื้อขายรับข่าวอิหร่านบรรลุดีลนิวเคลียร์กับชาติตะวันตก(คาดว่าน้ำมันอิหร่านยังไม่เข้าสู่ตลาดเร็วๆนี้)อย่างไดีพื้นฐานเศรษฐกิจไทยดูไม่ดีผนวกปัญหาภัยแล้ง วานนี้ครม.อนมัติชะลอปล่อยน้ำจากเขื่อนหลักเพื่อสำรองน้ำกิน-ใช้ให้นานที่สุดและห้ามสูบน้ำเพื่อการเกษตร อาจส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลงอีก และ GDP อาจชะลอมากกว่าคาด ส่วนคืนนี้ให้ติดตามการแถลงของประธานเฟด เรื่องแนวโน้มดอกเบี้ยของสหรัฐ

หุ้นเด่นวันนี้ เก็งกำไร FORTH กลุ่มเรือ TTA-PSL สะสม TSR

 

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (15 ก.ค.) คาด SET ยังผันผวน วันนี้ติดตามการประชุมรัฐสภาฯกรีซ จะยอมรับแผนปรับโครงสร้างหนี้ครั้งใหม่หรือใหม่ ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐ/ยุโรปปรับตัวขึ้นไปแล้ว จึงยังเน้นรายหุ้นที่มีประเด็นบวกหนุน TASCO([email protected]), CK ([email protected]) หุ้นที่มีภูมิคุ้มกันสูง THCOM(FV@B51) และBTS(FV@B12) วันนี้เลือก IRPC([email protected]) เป็น Top pick ปรับ Fair Value ขึ้น 12% สะท้อนแนวโน้มธุรกิจสดใส

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (15 ก.ค.) สรุปตลาดหุ้นวานนี้  SET ผันผวนในกรอบแคบ ปิดปรับลง 2.25 จุด มาอยู่ที่ 1,488.4 จุด นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 118.48 พันลบ. เป็นวันแรกในรอบ 5 วัน  และยังซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 อีก 4,609 ล้านบาท แต่ Net Short TFEX 2,584 สัญญาเป็นวันแรกในรอบ 3 วัน

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ Sideway up อยู่ในกรอบ 1,480-1,500 จุด รอปัจจัยใหม่หนุนนำ

Accumulative BUY :  SCN  EPG TPCH และ GUNKUL

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (15 ก.ค.)  ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิด -0.15% ปริมาณการซื้อขายยังชะลอตัว โดยต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิเล็กน้อย และยังคงเปิดสถานะ Short ใน Index Futures  แรงขายส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มธนาคาร, พลังงาน สำหรับประเด็นการประชุม ครม.วานนี้ได้อนุมัติแผนก่อสร้างมอเตอร์เวย์  3  สาย และแผนปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้า กฟผ.

กลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนียัง Sideway  แนะนำ เทรดดิ้งตามกรอบการ 1,480 – 1,500 จุด  ระยะสั้งแนะนำซื้อ  ADVANC, INTUCH, TRUE (ประมูล 4 G)  ITD, STEC ( แผนก่อสร้างมอเตอร์ 3 สาย )  AKR, DEMCO ( แผนปรับปรังระบบส่งไฟฟ้า กฟผ. มูลค่า 9 หมื่น ลบ.)

Back to top button