SET บ่ายเคลื่อนไหวแดบลบแนะช้อนหุ้นสื่อสาร-รับเหมา

SET ปิดเช้าปรับลงสวนทางตลาดภูมิภาค หลังเจอแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มแบงก์และพลังงาน รวมถึงคลังฯออกมาปรับลด GPD ครึ่งปีหลัง บ่ายนี้คาดดัชนีแกว่งแคบในแดนลบต่อ โดยมีแนวรับ รับ 1,480-1,460 จุด ส่วนแนวต้าน 1,490


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (14 ก.ค.) ปรับตัวลงส่วนทางตลาดภูมิภาค จากแรงขายทำไรในหุ้นกลุ่มแบงก์และพลังงานที่เจอแรงกดดันจากราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวลง เนื่องจากอิหร่านสามารถบรรลุข้อตกลงกับประเทศตะวันตกได้ อีกทั้ง กระทรวงการคลังออกมาระบุตัวเลข GDP ของไทยช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตลดลงจากครึ่งปีแรกพอสมควร

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย คาดดัชนีหุ้นไทยยังแกว่งแคบอิงแดนลบ โดยมีแนวรับ รับ 1,480-1,460 จุด ส่วนแนวต้าน 1,490 จุด ขณะที่ ช่วงนี้แนะนำลงทุนในหุ้นกลุ่ม ICT หลังรัฐบาลให้ประมูลคลื่น 4G ท่องเที่ยว และรับเหมาต่อเนื่อง INTUCH-TRUEIF AOT-BEAUTY-CK-STEC และ SEAFCO

 

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงและดูจะอ่อนกว่าตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวกเล็กน้อยหลังเรื่องของกรีซได้มีลงมติผ่านแผนปฏิรูปต่อที่ประชุมรัฐสภาไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับปัจจัยที่มากดดันตลาดมาจากเรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง หลังจากที่อิหร่านสามารถตกลงกับประเทศตะวันตกได้ ทำให้อิหร่านสามารถส่งออกน้ำมันได้ จึงมีผลต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก

ส่วนตลาดบ้านเราปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบมาจากเรื่อง outlook ด้านเศรษฐกิจ ที่รมว.คลังได้ออกมาระบุว่าตัวเลข GDP ของไทยในครึ่งปีหลังของปี 58 อาจจะแย่กว่าครึ่งปีแรกของปีนี้ และหลายสถาบันต่างๆ เริ่มออกมาปรับลดประมาณการ GDP ด้วย ทำให้นักลงทุนคิดว่าเศรษฐกิจอาจจะไม่ดีกว่าที่คาดหรือเปล่า จึงได้มีแรงขายหุ้นในกลุ่มแบงก์ และกลุ่มพลังงานออกมา

นอกจากนี้ หลายบริษัทเริ่มที่จะออกมาปรับลดประมาณการปีนี้กันแล้ว รวมถึงนักวิเคราะห์คงจะปรับลดประมาณการด้วยเหมือนกัน ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นผลจากเศรษฐกิจในประเทศที่ไม่ขยายตัวเท่าที่ควร

แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ เชื่อว่าตลาดจะแกว่งตัวในแดนลบหลังจากได้รับรู้เรื่องของกรีซไปแล้ว แต่จะเริ่มเป็นกังวลเรื่องเศรษฐกิจในประเทศแทน ขณะที่นักลงทุนสามารถเลือกเล่นหุ้นเป็นรายตัวได้ โดยมองกลุ่ม ICT น่าจะเป็นจุดพักเงินที่ดีได้ในตอนนี้ จากที่นายกให้ดำเนินการการประมูล 4G ได้ พร้อมให้แนวรับ 1,480-1,460 จุด ส่วนแนวต้าน 1,490 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ก.ค.) SET อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ แม้สภากรีซจะเห็นชอบกฎหมายปฎิรูปเศรษฐกิจแล้วเช้านี้ เนื่องจากแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานที่ได้รับแรงกดดันจากการปรับลดลงของราคาน้ำมัน (แนะนำ “ขาย” PTTEP ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 93.0 บาท) ส่วนธนาคารขนาดใหญ่ประกาศกำไรไตรมาส 2/58 ปลายสัปดาห์นี้ และ AOT ถูก Consensus ปรับประมาณการลงแนะนำ “ซื้อ” ที่แนวรับ 294/290 บาท โดยมองแนวรับ SET ที่ 1,476/1,470 จุด

ขณะที่ กลยุทธ์หลัก แนะนำ “ซื้อ” สื่อสาร ท่องเที่ยว และรับเหมาต่อเนื่อง อย่าง INTUCH-TRUEIF (คาดปันผลระหว่างกาล 0.23 บาท) AOT (แนะนำ “ซื้อ” แนวรับ 298/294 บาท หลัง Consensus ปรับประมาณการกำไรลง) BEAUTY-CK-STEC และ SEAFCO

ทั้งนี้คาดการณ์กำไร BEAUTY ของไตรมาส 2/58 เติบโตแกร่ง 41% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และ 14% จากไตรมาสก่อน ที่ 87 ล้านบาท โดย Sale Store Sale เติบโตแกร่ง 11.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สวนทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

นอกจากนี้ยังมีการเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่อง 11 สาขาในไตรมาส 2/58 นอกจากนี้มอง BEAUTY เป็น Indirect Play ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่เติบโต จากยอดขายสินค้าให้กับนักท่องเที่ยวในสัดส่วน 20% ของยอดขายทั้งหมด ทางเทคนิคมองเป้าหมายสั้นที่ 4.16/4.30 บาท

 

บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ก.ค.) ว่า ดัชนีหุ้นไทยปิดลบ จากแรงขายทำกำไรในหุ้นใหญ่ที่ปรับตัวลดลงในกลุ่ม BANK-HELTH-TRANS โดยภาพรวมเช้าฝั่งเอเชียยังเป็นบวก แต่ HSI ปรับตัวลดเล็กน้อย ทั้งนี้ มีสามปัจจัยหลักคือ 1.รัฐสภากรีซได้ลงมติรับร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแผนฟื้นฟูวิกฤตเศรษฐกิจแล้ว อย่างไรก็ตามต้องรอมติรัฐสภาเยอรมันพรุ่งนี้เรื่องกรีซ 2.หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบเพราะปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐและสต็อกน้ำมันดิบยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก และ 3.เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะยังคงขยายตัวในช่วงที่เหลือของปีนี้ กดดันราคาทองต่ำลง

ส่วนปัจจัยในประเทศ กระทรวงการคลังมีการปรับลดประมาณการณ์การเติบโต เหลือเพียง 2.6% ในครึ่งปีหลังซึ่งต่ำกว่าครึ่งแรก รวมโตเพียง 3.0% ทั้งปีเพราะการส่งออกที่อ่อนแอ คาดว่าจะร่วงลงประมาณ 1.3% ในครึ่งหลังปีนี้หรือ 1.7% สำหรับทั้งปี 58 ทางด้านสศค.คาดว่าจะหั่นคาดการณ์เศรษฐกิจลงภายในเดือนนี้จากเดิม 3.7%

แนวโน้มตลาดภาคบ่าย หลังจากที่ดัชนีหุ้นไทยไม่สามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 15 วันได้ พร้อมกับแท่งเทียนเกิดการฟอร์มตัวในรูปแบบ Three Black Crows มีแนวโน้มปรับตัวลงต่อ โดยมีแนวรับแรกที่ 1,477 จุด

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

TPIPL มูลค่าการซื้อขาย 2,068.51 ล้านบาท ปิดที่ 2.68 บาท ลดลง 0.24 บาท

AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,242.85 ล้านบาท ปิดที่ 297.00 บาท ลดลง 7.00 บาท

JAS มูลค่าการซื้อขาย 878.63 ล้านบาท ปิดที่ 5.30 บาท ลดลง 0.15 บาท

BR มูลค่าการซื้อขาย 843.81 ล้านบาท ปิดที่ 11.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท

PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 744.50 ล้านบาท ปิดที่ 99.25 บาท ลดลง 1.25 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button