ชู 17 บจ.ดัง สะสมหุ้นปันผลช่วงตลาดไม่นิ่งSET เริ่มมีแรงซื้อ ลุ้นรีบาวด์กลับ 1,450 จุด

นักวิเคราะห์ให้น้ำหนักการเกิด Technical Rebound ในระยะสั้น สำหรับดัชนีหุ้นไทยสู่ระดับ 1,450 จุดหรือสูงกว่า ขณะที่วานนี้เริ่มมีแรงซื้อกลับรับข่าวประเด็นคาดการณ์การปรับ ครม.ส่งผลบวกต่อจิตวิทยาการลงทุน การลงทุนเน้นรายหุ้นปันผล และกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันสูงจากเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.12 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.75 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้น โดยได้รับปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกดีดตัว

นักวิเคราะห์ให้น้ำหนักการเกิด Technical Rebound ในระยะสั้นสู่ระดับ 1,450 จุดหรือสูงกว่า สำหรับดัชนีหุ้นไทย ขณะที่วานนี้เริ่มมีแรงซื้อกลับรับข่าวประเด็นคาดการณ์การปรับ ครม.ส่งผลบวกต่อจิตวิทยาการลงทุน

การลงทุนเน้นรายหุ้นปันผล และกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันสูงจากเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว หุ้นเด่นเลือก INTUCH-ADVANC-TRUEIF-CK-STEC-SEAFCO-KTB-BCP-BMCL-IFEC-WHA-PTTGC-THCOM-BTS-EA-IRPC และ SVI

 

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (23 ก.ค.) คงน้ำหนักการลงทุนวันนี้เป็น “กลาง” วันที่ 14 พร้อมให้น้ำหนักกับการเกิด Technical Rebound สู่ด่าน 1,450 จุดหรือสูงกว่า แม้ว่าแรงขายจากต่างชาติกลับมาหนาแน่นในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง โดยเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติเลือกลดการลงทุนเป็นรายหุ้นมากกว่า การลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทย อีกทั้งในแง่ของ Valuation ของตลาดหุ้นไทยในอยู่แนวด้านล่างของค่าเฉลี่ย 1Yr และ 2Yr Forward PE ratio ย้อนหลัง 1 ปี แม้ว่าจะมีประเด็นเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้เพียง 2.5% +/- ก็ตาม แต่แนวดังกล่าวย่อมมี downside risk ที่จำกัดในเชิงปัจจัยพื้นฐาน

ขณะที่สถานการณ์น้ำเริ่มคลายตัวลง หลังมีรายงานข่าวน้ำฝนที่ตกเหนือเขื่อนในหลายๆ แห่ง เริ่มมีน้ำไหลเข้าเขื่อนมากขึ้น เราเชื่อว่าหากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อเนื่อง ความกังวลต่อภัยแล้งที่จะมีผลกระทบต่อกำลังซื้อภายในประเทศจะคลายตัวลงได้เช่นกัน

และกระแสการปรับคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เริ่มถี่ขึ้นและมากขึ้นเป็นลำดับ ให้น้ำหนักกับประเด็นนี้ต่อการเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ หากมีการปรับเปลี่ยน หลังบริหารครบ 1 ปี ดูมีความเหมาะสม เพื่อปรับเปลี่ยนให้นโยบายต่างๆ ที่ยังติดขัดให้สามารถเดินหน้าได้ตามโรดแม็พที่วางไว้

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังมีความเปราะบาง และอ่อนแอ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในประเทศอยู่ในระดับต่ำ แต่ภายใต้วิกฤติหรือบรรยากาศการลงทุนที่เต็มไปด้วยปัจจัยเชิงลบ ย่อมมีโอกาสของการลงทุนเช่นกัน หุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/58 ยังเห็นการเติบโตโดดเด่น และ/หรือ ปันผลระหว่างกาลไม่ต่ำกว่า 2% หากราคาหุ้นเหล่านี้ปรับฐานลงตามภาพตลาด ย่อมกลายเป็นโอกาสของการเข้าสะสมเช่นกัน

พร้อมแนะนำให้ติดตามการเคลื่อนไหว การปรับครม.ทีมเศรษฐกิจที่มีเสียงเรียกร้อยจากฝั่งเอกชน มากขึ้น ณ ขณะนี้ หากได้ผู้เข้าร่วมทีมที่เป็นที่ยอมรับในเวทีเศรษฐกิจโลก เชื่อว่าจะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะกลับมาเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้เช่นกัน

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ “นักลงทุนระยะกลาง กลับมาเลือกสะสมหุ้นในลักษณะ Bottom Fishing เน้นที่ประเด็นพื้นฐานการลงทุน และ/หรือ ผลตอบแทนปันผลทั้งปีไม่ต่ำกว่า 4% เป็นเกณฑ์การเลือกหุ้นลงทุน ภายใต้ภาวะการลงทุนที่อ่อนแอในปัจจุบัน”

Top Pick in Q3/15: BCP/BMCL/IFEC/WHA

Speculative buy: PTTGC

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (23 ก.ค.) ว่า SET มีแนวโน้มถูกกดดันจากกลุ่มพลังงานต่อเนื่องหลังราคาน้ำมันดิบปรับลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงทะลุแนวต้านที่ 34.4 บาท เป็นความเสี่ยงต่อแรงขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติเพื่อล็อกกำไรจากค่าเงิน ประเมินกรอบวันนี้ที่ 1,439-1,450 จุด

แนะนำ “ซื้อ” EA ราคาหุ้นปรับลดลงเป็นโอกาสซื้อหุ้นที่กำไรเติบโตกว่า 90% ในปี 2015-16 ด้วยกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น 216MW (ได้ PPA แล้ว) ในปี 2016 จากปัจจุบัน 180MW ในราคา Discount จากพื้นฐานที่ 30 บาท อยู่ 50%

ขณะที่กลยุทธ์หลักแนะนำ “Selective” กลุ่มสื่อสาร อย่าง INTUCH, ADVANC, TRUEIF และรับเหมาฯ CK, STEC, SEAFCO ต่อไป รวมถึง “ซื้อ” KTB หลังผลการดำเนินงานไตรมาส 2/15 ดีกว่าคาดการณ์ที่ 8.4 พันล้านบาท +11% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และ +7% จากไตรมาสก่อน พร้อม Valuation ในเชิง PE และ PBV ต่ำกว่าธนาคารอื่นในกลุ่ม และ Dividend Yield 5-5.4% ในปี 2015-16

 

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (23 ก.ค.) ว่า SET วันนี้อาจฟื้นตัวช่วงสั้นๆ เท่านั้น เนื่องจากการปรับลดประมาณการกำไรรายหุ้น จากผลกระทบเศรษฐกิจชะลอตัวยังคงกดดัน โดย EPS ของตลาดหลังปรับลดรอบ 2 คาดจะเหลือ 92 บาท ดัชนีเป้าหมายใหม่สิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 1,427 จุด จึงเน้นรายหุ้นที่มีภูมิคุ้มกันสูงจากเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว THCOM (FV@B51), BTS (FV@B12) และยังเลือก IRPC ([email protected]) เป็น Top pick

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (23 ก.ค.) ว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้เริ่มมีแรงซื้อกลับมาเข้ารับข่าวประเด็นคาดการณ์การปรับ ครม.ส่งผลบวกต่อจิตวิทยาการลงทุน แต่ภาวะเศรษฐกิจไทยยังถูกกดดันจากการส่งออกที่ยังชะลอตัวโดย มิ.ย.อาจจะชะลอตัว -7%  ขณะที่งบลงทุนโครงสร้างพื้นฐานถูกเลื่อนการลงทุนไปปีหน้า

กลยุทธ์การลงทุน ระยะสั้นแนะนำเทรดดิ้งด้วยวงเงินจำกัด ตามกรอบ 1,440-1,455 จุด ระยะกลาง รอซื้อหากดัชนีอ่อนลงสู่ระดับ 1,400-1,420 จุด

วันนี้แนะนำซื้อลงทุน  PTTGC (FV@75) จากคาดการณ์กำไรไตรมาส 2/58 8.96 พันล้านบาท +59% จากไตรมาสก่อน, +47% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน / IRPC, SVI แนะนำเก็งกำไรระยะสั้นจากสัญญาณบวกทางเทคนิค

Back to top button