SET เจอปัจจัยลบรอบทิศบ่ายซึมยาวแนวรับ 1,400 จุด

SET ปิดเช้าซึมตัวตามตลาดหุ้นเพื่อนบ้านที่อยู่ในแดนลบ โดยตลาดจีนอยู่ในช่วงปรับฐานตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และหุ้นกลุ่มพลังงานเจอแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง ส่วนดัชนีหุ้นไทยรับแรงกดดันจากเศรษฐกิจที่ถดถอย และสศค.หั่น GDP ลง บ่ายนี้ดัชนีฯคงซึมต่อ โดยมีแนวรับ 1,400 จุด ส่วนแนวต้าน 1,425 จุด


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน” ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (28 ก.ค.) ซึมตัวตามตลาดเพื่อนบ้านที่ส่วนใหญ่อยู่แดนลบ โดยตลาดหุ้นจีนอยู่ในช่วงการปรับฐานตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และราคาน้ำมันยังกดดันหุ้นพลังงานต่อ ส่วนปัจจัยในประเทศเกิดความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ถดถอย เนื่องจากตัวเลขการบริโภคและการส่งออกเดือน มิ.ย.หดตัวกว่าคาด และสศค. ยังออกมาปรับ GDP ลงอีก จึงทำให้ดัชนีไม่สามารถปรับตัวขึ้นได้

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ดัชนีคงซึมตัวต่อ พร้อมให้แนวรับ 1,400 จุด ส่วนแนวต้าน 1,425 จุด แนะนำกลุ่มรับเหมาและสื่อสาร อย่าง CK-STEC-SEAFCO-INTUCH และ TRUEIF แต่ควรรอให้ SET ยืนได้เหนือ 1,440 จุดได้ก่อน

 

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ซึมตัวตามตลาดเพื่อนบ้านที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ โดยตลาดหุ้นจีนยังอยู่ในโหมดของการปรับฐานตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และหุ้นกลุ่มพลังงานได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง

ส่วนปัจจัยในประเทศเกิดความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ทั้งการบริโภคและการส่งออก ล่าสุดตัวเลขการส่งออกเดือนมิ.ย.หดตัวมากกว่าคาด รวมทั้งการลงทุนของภาครัฐฯมีความล่าช้า ส่งผลให้ตัวเลข GDP มี downside risk ซึ่งล่าสุดทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ออกมาปรับลดประมาณการ GDP ปีนี้ลงเหลือ 3% และอาจมีการปรับลงอีก ทำให้เริ่มเห็นทิศทางการปรับลด GDP ทั้งของทางการและภาคเอกชน

แนวโน้มการลงทุนช่วงบ่ายนี้ คาดตลาดฯคงซึมตัวต่อ พร้อมให้แนวรับ 1,400 จุด ส่วนแนวต้าน 1,425 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (28 ก.ค.) ดัชนี SET ช่วงเช้าปรับลดทดสอบแนวรับที่ 1,405-1,410 จุด คาดมีจังหวะ Technical Rebound ระยะสั้นจำกัดที่ 1,420-1,424 จุด เท่านั้น เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว  และความผันผวนของตลาดหุ้นโลกโดยเฉพาะตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง

โดยกลยุทธ์ลงทุนช่วงนี้ แม้ยังเน้น “Selective” ในกลุ่มรับเหมา และสื่อสาร อย่าง CK-STEC-SEAFCO-INTUCH และ TRUEIF แต่ควรรอให้ SET ยืนเหนือที่ระดับ 1,440 จุดได้ก่อน

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามช่วงนี้ 1) ความคืบหน้าในการปรับ ครม.เพื่อฟื้นความเชื่อมั่น 2) มาตรการเพิ่มเติมของจีนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ 3) การประชุม FOMC วันที่ 28-29 ก.ค.นี้ และ 4) ผลการดำเนินงาน Real Sector อย่าง SCC ที่จะประกาศผลการดำเนินงานวันที่ 29 ก.ค.นี้

ทั้งนี้ หุ้นที่ราคาต่ำกว่า NAV มาก อย่าง TIPCO (คิดเฉพาะ NAV ที่ถือหุ้นใน TASCO เท่ากับ 18.20 บาท) เป็นอีกทางเลือกในการ “เก็งกำไร” ในช่วงการ Rebound ของ SET

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

WICE มูลค่าการซื้อขาย 2,190.72 ล้านบาท ปิดที่ 5.10 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,139.70 ล้านบาท ปิดที่ 174.00 บาท ลดลง 2.00 บาท

PK มูลค่าการซื้อขาย 939.43 ล้านบาท ปิดที่ 4.96.00 บาท

PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 853.84 ล้านบาท ปิดที่ 59.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

JAS มูลค่าการซื้อขาย 771.65 ล้านบาท ปิดที่ 4.90 บาท ลดลง 0.02 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button