SET เริ่มผ่อนคลาย คาดปรับขึ้นกรอบจำกัดชง 21 หุ้นปลอดภัย-รับผลกระทบศก.ชะลอตัวน้อย

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้บรรยากาศการลงทุนเริ่มผ่อนคลาย หลังตลาดเริ่มรับรู้ข่าวในประเทศไปบ้างแล้ว ขณะที่ทางด้าน Fund Flow คาดยังมีแรงขายออกมาต่อเนื่อง พร้อมทั้งติดตามผลประชุมเฟดคืนนี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.11 น. ค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่ 34.83 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ในช่วงเช้าวันนี้ เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปเมื่อคืนนี้ อันเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงติดต่อกันหลายวันก่อนหน้า ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้บรรยากาศการลงทุนเริ่มผ่อนคลาย หลังตลาดเริ่มรับรู้ข่าวในประเทศไปบ้างแล้ว ขณะที่ทางด้าน Fund Flow คาดยังมีแรงขายออกมาต่อเนื่อง พร้อมทั้งติดตามผลประชุมเฟดคืนนี้

สำหรับหุ้นเด่นวันนี้แนะนำหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวน้อย ได้แก่  INTUCH, TRUEIF, CK, STEC, SEAFCO, PTTGC, BIGC, EASTW, SCC, SAMART, BANPU, KBANK, PTT, ADVANC, INTUCH, ITD, CK, SCN,  EPG, TPCH, GUNKUL และ TPIPL

 

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์ (29 ก.ค.) คงน้ำหนักการลงทุนวันนี้เป็น “กลาง” วันที่ 17 พร้อมประเมิน SET INDEX ยังคงแกว่งกรอบระหว่าง 1,400-1,420 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นระดับ 4.0 หมื่นล้านบาท/วัน ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงคาบเกี่ยววันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทยในปลายสัปดาห์นี้ ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ต่างทยอยปรับพอร์ตระยะสั้น เพื่อปิดความเสี่ยงช่วงวันหยุดดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม สัญญาณเชิงบวกจากผลการดำเนินงาน 2Q58 ที่ทยอยประกาศออกมาวานนี้ SCCC / DCC ออกมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี จากการควบคุมต้นทุนการผลิต และการเปิดตลาดไปยัง CMLV ทำให้เราเชื่อว่าโอกาสที่จะมีการปรับประมาณการกำไรของปี 2558 อีกระลอกเป็นไปอย่างจำกัด ขณะที่หุ้นใหญ่วันนี้มีแนวโน้มการฟื้นตัว หลัง iShare MSCI Thailand ETF เริ่มฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี

ภาวะการลงทุนวานนี้เป็นจุดที่น่าสนใจอย่างยิ่ง SET50 Index ปิดบวกเล็กน้อย 0.73 จุด แต่ SET INDEX ปิดลบ 4.48 จุด สะท้อนหุ้นหลักของตลาดหุ้นไทยเริ่มทรงตัวหรือมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ SET50 Index ปรับฐาน –6.41% YTD สะท้อนถึงความเปราะบางของผลการดำเนินงานที่สอดรับกับภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้ที่เผชิญกับการชะลอตัวของภาคการส่งออก และการบริโภคภายในประเทศ อีกทั้ง Valuation ของ SET INDEX ณ ระดับปิดปัจจุบัน 1,408.07 จุด คิดเป็น 1Yr Forward PER เท่ากับ 14.63x และ 2Yr Forward PER เท่ากับ 12.74x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปีของกรอบ -1SD ของ 1Yr และ 2Yr Forward PER ที่ 14.90x และ 12.97x ตามลำดับ ทำให้เชื่อว่านักลงทุนระยะกลางถึงยาว เริ่มกลับมาเลือกหุ้นหลักที่มีความสามารถในการทำกำไรอย่างแข็งแกร่ง พร้อมผลตอบแทนจากเงินปันผล 3-4% เป็นทางเลือก

ขณะที่นักลงทุนทั่วโลก ต่างรอดูผลการประชุมเฟดในค่ำคืนนี้ ต่อมุมมองของช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ณ ปัจจุบันตลาดประเมินโอกาสการประชุมเดือนก.ย. เฟดจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2551 หากเป็นไปตามที่ตลาดประเมิน ตลาดหุ้นทั่วโลกมีโอกาสฟื้นตัวช่วงสั้น หลังจากปรับฐาน เพื่อปิดความเสี่ยงต่อการประชุมเฟดในวันนี้

ประเมินว่าปัจจัยที่จะกลับมาเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนได้ในภาวะเช่นนี้ ได้แก่ 1) ค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ทรงตัวหรือแกว่งในกรอบแคบลง และ/หรือ 2) การปรับครม. โดยเฉพาะอย่างยิ่งทีมเศรษฐกิจ แม้ว่าปัญหาต่างๆ ที่สะสมมาเป็นเวลานาน ทำให้การทำงานของครม.ต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา แต่ ณ ปัจจุบัน เศรษฐกิจภายในประเทศที่เดินหน้าในระดับต่ำเพียงเพราะขาดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ หากการปรับเปลี่ยน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากภาคเอกชน ย่อมเป็นทางเลือกที่ดีในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ “นักลงทุนระยะกลาง ยังคงสามารถเลือกสะสมหุ้นในลักษณะ Bottom Fishing เน้นที่ประเด็นพื้นฐานการลงทุน และ/หรือ ผลตอบแทนปันผลทั้งปีไม่ต่ำกว่า 4.0% เป็นเกณฑ์การเลือกหุ้นลงทุน ภายใต้ภาวะการลงทุนที่อ่อนแอในปัจจุบัน”

Accumulative Buy: SCC / TPIPL

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (29 ก.ค.) ว่า การฟื้นตัวของตลาดหุ้น Dow Jones +1.09% เมื่อคืนนี้ จากผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนออกมาดี มีแนวโน้มหนุนการ “ฟื้นตัว” ของ SET ในรูปแบบ Technical Rebound ที่แนวรับ 1,400-1,410 จุด อย่างไรก็ตามระยะการ Rebound คาดว่าจะยังจำกัดที่ 1,422 หรือ 1,434 จุด ขณะที่ปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้ได้แก่ 1) การประชุม FOMC คืนนี้ จะส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย.? 2) ผลการดำเนินงาน Real Sector ตั้งแต่วันนี้ และ 3) ความคืบหน้าในการปรับ ครม.

แนะนำกลยุทธ์ “Selective” กลุ่มสื่อสาร รับเหมาฯ อย่าง INTUCH TRUEIF CK STEC SEAFCO ต่อ แต่ควรรอซื้อเมื่อ SET ฟื้นตัวยืนเหนือ 1,434 จุดก่อน ขณะที่แนะนำ “ซื้อ” PTTGC เป้าหมายพื้นฐานที่ 80.0 บาท จาก 1) Olefin Spread สูง และ Aromatic Spread & GRM ฟื้นตัวหนุนกำไรเติบโต 68-15% ในปี 2015-16 2) ราคาลงแรง 12.5% ใน 2 สัปดาห์ และที่ PE 8.2 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 12.5x 3) Dividend สูง 5.3-6.1% และ D/E ต่ำ

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (29 ก.ค.) ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ รีบาวด์สั้นก่อนผันผวนต่อ

คาดดัชนีวันนี้รีบาวด์แต่ไม่แรง ตามจิตวิทยาหุ้นโลกดีขึ้น หุ้นจีนเริ่มยืนได้หลังทางการจีนพร้อมเข้าสนุบสนุนตลาดหุ้น หุ้นสหรัฐเมื่อคืนรีบาวด์แรงหกลังกำไร บจ.ใหญ่อย่าง Ford Motor และ UPS แข็งแกร่งกว่าคาด อย่างไรก็ดี ตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่ยังต่ำ คาด และการลด GDP ไทยต่อเนื่อง น่าจะกดดันให้ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยต่อไป คาดอัพไซด์ของดัชนียังจำกัด ส่วนคืนนี้ ธ.กลางสหรัฐจะรายงานผลประชุม FOMC คาดเฟดจะส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยใน ก.ย.หรือไตรมาส 4/58 ทั้งนี้ แนะนำทยอยสะสมเพื่อระยะกลาง-ยาว คงมองว่า SET ที่ต่ำกว่า 1410 จุด เป็นระดับที่คุ้มเสี่ยงเพื่อเข้าลงทุน

หุ้นเด่นวันนี้  แนะนำสะสมหุ้นพื้นฐานดี SCC,SAMART,BANPU

 

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (29 ก.ค.) แม้ดัชนีลงมาต่อเนื่องแต่ยังมีค่า PER 15.3 เท่า อิง EPS ตลาดที่ปรับลงหลังสุดที่ 91.89 บาท แต่ความเสี่ยงที่ EPS ตลาดจะลดลงจากนี้ยังมี สะท้อนการปรับลดกำไรหุ้นรายยังมี เช่น BIGC กลยุทธ์เน้นหุ้นที่กระทบจากเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัวน้อย เลือก EASTW(FV@B14) เป็น Top pick มีแหล่งน้ำเพียงพอ ทำให้ได้ลูกค้าใหม่ หลังน้ำขาดแคลนในชลบุรี เป็นหุ้น PER ต่ำ + จ่ายปันผล 4%

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (29 ก.ค.)  ตลาดหุ้นไทยวานนี้แรงขายยังอยู่ในหุ้นกลุ่มธนาคาร, พลังงาน หลังจาก สศค. ปรับเป้าหมาย GDP ปีนี้ลงสู่ระดับ 3% และการส่งออกคาด -4% และดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวต่ำสุดในรอบ 15 เดือน กลยุทธ์การลงทุน แนะนำทยอยซื้อหุ้นกลุ่มหลัก เช่น KBANK, PTT, ADVANC, INTUCH, ITD  ที่ระดับดัชนี SET 1,400 +/- จุด ( ระดับ Forward P/E เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลังที่ 14.50 x ) และเริ่มมีประเด็นบวกจาก Fund Flowsของกองทุน Trigger Fund  ที่จะเริ่มออกบริเวณดัชนี 1,400 จุด

 

บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ (29 ก.ค.)  ทิศทางตลาด : Sideway? คาดมีโอกาสปรับขึ้น แต่เป็นไปอย่างจำกัด คาดยังถูกกดดันจากปัจจัยในประเทศ (1) การเติบโตเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่เหลือของปี รวมถึงผลกระทบจากภัยแล้ง ซึ่งคาดหลายๆ หน่วยงานมีโอกาสปรับลดเป้าหมาย GDP ลงอีกครั้ง ล่าสุดสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับลดGDP ปี’58 จากเดิม 3.7% เป็น 3.0% และคาดส่งออกหดตัว 4.0% จากเดิมที่คาด ขยายตัว 0.2% จากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวช้า โดยเฉพาะจีน อย่างไรก็ตามแนะติดตามการปรับ ครม. โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจที่คาดเป็น Sentiment บวกเข้ามาในตลาดได้บ้าง รวมถึงการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาล โดยเน้นกลุ่มที่มีรายได้น้อย เพื่อเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ (C) นอกจากการลงทุนผ่านโครงการต่างๆ ของภาครัฐ (G)

2) ทางด้าน Fund Flow ยังมีแรงขายออกมาต่อเนื่อง ขณะที่ค่าเงินบาทยังคงมีทิศทางอ่อนค่า คาดเป็นปัจจัยเร่งให้นักลงทุนต่างชาติตัดสินใจปรับพอร์ตเร็วขึ้น นอกเหนือปัจจัยจากขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ซึ่งแนะติดตามการประชุมของเฟดในวันที่ 28 – 29/7/58   (3) ราคาน้ำมันที่ลดลง คาดส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่อยู่ในช่วงของการประกาศผลการดำเนินงาน – กลางสค. คาดอาจมีแรงเก็งกำไรเข้ามาบ้าง

ทางด้านประเด็นต่างประเทศ ยังคงให้น้ำหนักต่อประเด็นที่เฟดจะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย (เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี) ภายในปีนี้ หลังประธานเฟดส่งสัญญาณค่อนข้างชัดเจน และคาดกดดันต่อตลาดฯ เพิ่มขึ้นหลังจากนี้ไป รวมถึงความกังวลต่อทิศทางการเติบโตเศรษฐกิจของจีน

และยังแนะติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC และ BCP คาดผลการดำเนินงาน 2Q/58 จะออกมาโดดเด่น เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น ITD, CK, SEAFCO และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท ล่าสุดมีทิศทางอ่อนค่า โดยเคลื่อนไหวบริเวณ 34.82 – 34.84 คาดส่งผลดีต่อกลุ่มส่งออก (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC และ TASCO, VNG เป็นต้น (5) กลุ่มท่องเที่ยวยังคงได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวที่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หุ้นที่ได้รับผลดี เช่น CENTEL

หุ้นแนะนำ : CK

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (29 ก.ค.)  แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ :  เชื่อว่าบรรยากาศการลงทุนเริ่มผ่อนคลายบาง จากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ไม่ได้แย่ลงไปจากเดิม ประกอบกับทั้งราคาน้ำมันดิบ ราคาทองคำและค่าเงินบาท เริ่มทรงตัวได้ รวมถึงการปรับขึ้นของตลาดหุ้นโลก ดังนั้นตลาดมีโอกาสรีบาวด์ แต่ปริมาณการซื้อขายน่าจะเบาบางเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่รอผลประชุมเฟดคืนนี้ และลุ้นประกาศงบ 2Q15 ของ SCC ที่ตลาดคาดว่าจะออกมาใกล้เคียงกับ 1Q15

Accumulative BUY :  SCN  EPG TPCH และ GUNKUL

 

Back to top button