SET แกว่งแคบ จับตาหุ้นจีนฉุดดัชนีช่วงสั้นเคาะ 20 หุ้นพื้นฐานยังแกร่งไม่หวั่นศก.ชะลอ

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ปรับขึ้นกรอบจำกัด ภาพรวมบรรยากาศการลงทุนดีขึ้น คาดแรงขายทำกำไรรอบสั้นจะเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ แต่แนวต้าน 1,450 จุด +/- ยังไม่น่าผ่านได้ในช่วงสั้นนี้ ขณะที่ติดตามปัจจัยสำคัญสัปดาห์นี้กรณีผลประชุมกนง.และติดตามค่าเงินบาทต่อเนื่อง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.27 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.04 บาทต่อเหรียญ ด้านตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังจีนเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ค.ปรับตัวลดลง

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ปรับขึ้นกรอบจำกัด ภาพรวมบรรยากาศการลงทุนดีขึ้น คาดแรงขายทำกำไรรอบสั้นจะเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ แต่แนวต้าน 1,450 จุด +/- ยังไม่น่าผ่านได้ในช่วงสั้นนี้ ขณะที่ติดตามปัจจัยสำคัญสัปดาห์นี้กรณีผลประชุมกนง.และติดตามค่าเงินบาทต่อเนื่อง

สำหรับหุ้นเด่นวันนี้แนะนำหุ้นพื้นฐานดี  ได้แก่ ITD, THCOM, BTS, HANA, EASTW, AP, SPALI, SAMART, BANPU, KBANK, CENTEL, PLANB, INTUCH, ADVANC, TRUEIF, STEC, CK, SEAFCO,EA, และ SCC

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ ( 3 ส.ค.) ว่า การฟื้นตัวยืนเหนือ 1,425 จุด เป็นสัญญาณ “บวก” ทางเทคนิค และจาก 1) การเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวันที่ 4 ส.ค.นี้ 2) แนวโน้มผลการดำเนินงานหุ้นกลุ่มสื่อสารอย่าง ADVANC INTUCH ออกมาดี 3) ความคืบหน้าในการปรับ ครม. ในช่วง ส.ค.-ก.ย.นี้ จะเป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวต่อเนื่องเป้าหมาย 1,456/1,490 จุด ขณะที่การประชุม กนง.วันที่ 5 ส.ค.นี้ คาดว่า ธปท.คงดอกเบี้ยที่ 1.50% หลังค่าเงินบาทอ่อนค่าแล้ว ~7% ตั้งแต่ มี.ค.ที่ผ่านมา

กลยุทธ์หลักแนะนำ “Selective” กลุ่มหุ้น Yield Plays และรับเหมาฯ อย่าง INTUCH ADVANC TRUEIF STEC CK SEAFCO รวมไปถึง EA ต่อ รวมไปถึง แนะนำ 1)“ซื้อ” SCC Olefin Spread สูง กำไร 2Q15 ดีกว่าคาด มีโอกาสปรับประมาณการกำไร 2) “ซื้อ” KBANK ราคาสะท้อนเศรษฐกิจฟื้นตัวช้าไปแล้ว PBV ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต 18% และ 3) “ซื้อ” CENTEL คาดกำไร 2Q15 เติบโตสูง +500% y-y ที่ 252 ล้านบาท

 

บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (3 ส.ค.) ว่า คงน้ำหนักการลงทุนวันนี้เป็น “กลาง” วันที่ 19 แม้ว่าบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยดีขึ้นจากช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แต่แนวต้าน 1,450 จุด +/- ยังไม่น่าผ่านได้ในช่วงสั้นนี้ แรงขายทำกำไรรอบสั้น คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงนี้

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ท้ายที่สุด SET INDEX จะทะลุแนว 1,450 จุดขึ้นไปเคลื่อนไหวในกรอบ 1,480-1,500 จุดได้ในระยะถัดไป ภายใต้เงื่อนไข 1) ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นไทยจากนี้ไปจะออกมาใกล้เคียง หรือ ดีกว่าคาด เพื่อลดความเสี่ยงที่จะมีการปรับประมาณการกำไรสุทธิตลาดหุ้นไทยในปีนี้และปีหน้าลง และ / หรือ 2) การเคลื่อนไหวค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสะท้อนถึงกระแสเงินทุนต่างชาติต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เราเชื่อว่า 35.50-36.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ น่าจะสะท้อนความอ่อนแอของเศรษฐกิจไทย และความเสี่ยงที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ประเมินว่า นักลงทุนต่างชาติมีโอกาสที่จะพลิกกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทย อย่างน้อยต้นทุนทางการเงินที่ถูกลงจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่ากว่า 5% YTD และผลตอบแทนจากเงินปันผลระหว่างกาลในหุ้นหลักราว 2.0% +/-

ขณะที่ตลาดเริ่มพูดถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 6 ข้อจากรมว.คลัง ที่จะเสนอต่อครม.พิจารณาในวันพรุ่งนี้ กลับให้น้ำหนักเป็นกลางเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการให้เงินสนับสนุนกับสหกรณ์ การเร่งปล่อยสินเชื่อผ่านนาโนไฟแนนซ์ หรือ เร่งการลงทุนผ่านโครงการลงทุนต่างๆ เป็นโครงการเดิมที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้

เชื่อว่าปัจจัยที่จะกลับมาเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนได้ในภาวะเช่นนี้ ได้แก่ 1) ค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ทรงตัวหรือแกว่งในกรอบแคบลง และ/หรือ 2) การปรับครม. โดยเฉพาะอย่างยิ่งทีมเศรษฐกิจ แม้ว่าปัญหาต่างๆ ที่สะสมมาเป็นเวลานาน ทำให้การทำงานของครม.ต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา แต่ ณ ปัจจุบัน เศรษฐกิจภายในประเทศที่เดินหน้าในระดับต่ำเพียงเพราะขาดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ หากการปรับเปลี่ยน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากภาคเอกชน ย่อมเป็นทางเลือกที่ดีในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ “นักลงทุนที่สะสมหุ้นเป้าหมายบริเวณ 1,400-1,410 จุดอาจพิจารณาขายทำกำไรรอบสั้นไปบางส่วน บริเวณ 1,450 จุด +/- และถือพอร์ตหุ้นที่เหลือ เพื่อรอประเมินภาพรวมในระยะถัดไป เพื่อดูแรงฟื้นตัวของ SET INDEX ว่าจะทะลุผ่าน 1,500 จุดในรอบสั้นนี้ได้หรือไม่”

Accumulative Buy: ADVANC / ITD

 

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (3 ส.ค.)SET ฟื้นตัวจากปัจจัยเทคนิค และ ณ ดัชนีปัจจุบันมี Ex PER 15.6 เท่า แนะนําให้ปรับพอร์ตโดยเลือกหุ้นที่กระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัวน้อย (THCOM, BTS, HANA, EASTW) ยังเลือกEASTW(FV@B14) เป็น Top pick เพราะมีแหล่งน้ำเพียงพอ แม้ต้องเผชิญภาวะภัยแล้ง ขณะที่เป็นหุ้นที่มี PER ต่ำ + จ่ายปันผล 4% เหมาะสมสําหรับนักลงทุนที่ถือลงทุนระยะกลาง-ยาว

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (3 ส.ค.)ว่า ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้  ขึ้นต่อแต่เสี่ยงผันผวนมากขึ้น

คาดดัชนีวันนี้ขึ้นต่อแต่เสี่ยงผันผวนมากขึ้น คาดแรงซื้อเก็งกำไรจากฝั่งกองทุนยังอยู่ ผนวกเงินบาทที่เริ่มทรงตัว ลดแรงกดดันต่อต่างชาติ แต่ SET ดีดค่อนข้างแรงเสี่ยงเผชิญแรงขาย เพราะปัจจัยของจีนวันนี้ไม่ดีนัก ทั้งดัชนี official PMI ก.ค.ลดลงสู่ 50.0 จาก 50.2 ในมิ.ย.และทางการจีนจะอนุญาตให้หุ้นบางส่วนที่ติด lock-up เข้าซื้อขายเพื่อทดสอบตลาด อาจสร้างความผันผวนต่อหุ้นจีน และ sentiment ในเอเชียได้บ้าง ด้านราคาน้ำมันลงกว่า 3% หลังสหรัฐรายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันเพิ่ม เป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน และอาจกดดันหุ้นพลังงานใน SET ภาพรวมแนะถือหุ้นต่อไป รอดูค่าเงินบาทและผลประชุมกนง. 5 ส.ค.นี้

หุ้นเด่นวันนี้ รับเสี่ยงได้เก็งกำไรกลุ่มบ้าน AP,SPALI, สะสมหุ้นพื้นฐานดี SAMART,BANPU

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (3 ส.ค.) ตลาดหุ้นไทยสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา +1.60% โดยต่างชาติและสถาบันเป็นผู้ซื้อสุทธิหลัก โดยตลาดเริ่มฟื้นตัวหลังจากปรับตัวลดลงรับปัจจัยลบภาวะเศรษฐกิจไทยชะลอตัว แต่ผลประกอบการ Q2/58 ของ SCC ที่ดีกว่าคาดการณ์ช่วยพยุงตลาด ขณะที่ต่างชาติเริ่ม Cover Short ประเด็นที่ต้องตามสัปดาห์นี้ คือ การประชุม กนง.ในวันที่ 5 ส.ค.นี้ คาดคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.5% ซึ่งน่าส่งบวกต่อกลุ่มธนาคารให้คลายแรงกดดันจาก NIM ที่อาจจะลดลงหากยังลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก กลยุทธ์การลงทุน ประเมินทิศทางดัชนียัง Sideway Up โดยมีกรอบแนวรับ 1,420 – 1,430  แนวต้าน 1,450 – 1,460 จุด  แนะนำซื้อลงทุน ADVANC (FV@298) วันนี้รายงานงบ Q2/58 คาดกำไรสุทธิที่ระดับ 9 พัน ลบ.

 

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (3 ส.ค.)  SET วันนี้ปรับขึ้นจำกัด กรอบแนวต้าน 1,449/1,454 จุด แนวรับ 1,431/1,427 จุด การรายงานค่าจ้างแรงงานสหรัฐ 2Q เพิ่มเพียง 0.2%q-q น้อยกว่าไตรมาสก่อนที่ 0.7%q-q และต่ำกว่าคาดที่ +0.6%q-q ปัจจัยภายในยังเป็นเชิงบวกมีสัญญาณซื้อกลับจากนักลงทุนต่างชาติ-นักลงทุนสถาบันที่ซื้อสุทธิต่อเนื่อง 2 วันติดต่อกัน 3.7 พันลบ. วันนี้แนะนำ Daily Top Picks KBANK-CENTEL-PLANB

 

Back to top button