โบรกฯฟันธงเดือนสิงหาต่างชาติยังขายมากกว่าซื้อ!

บล.เอเซีย พลัส คาดเดือนสิงหาคมตลาดชาติยังไม่กลับมาซื้อตลาดหุ้นไทยเหมือนในหลายเดือนที่ผ่านมา จากปัจจัยเสี่ยงต่อตลาดหุ้นไทยยังมีทั้ง การปรับลดประมาณการกำไรลง และ การขึ้นดอกเบี้ยฯ สหรัฐในช่วงปลายปี น่าจะสนับสนุนให้ต่างชาติยังชะลอการซื้อหุ้นในภูมิภาคเอเซีย


บมจ. หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์(3 ส.ค.) คาดเดือน ส.ค. ต่างชาติยังขายมากกว่าซื้อ โดยวันศุกร์ที่ผ่านมา(31 ก.ค.) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นในภูมิภาคราว 371 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิต่อเนื่องวันที่ 2) โดยเป็นการซื้อสุทธิทุกประเทศ นำโดยเกาหลีใต้ถูกซื้อสุทธิสูงสุดในภูมิภาคราว 209 ล้านเหรียญ  ตามด้วยไต้หวันซื้อสุทธิราว 50 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิต่อเนื่องวันที่ 2)  อินโดนีเซียซื้อสุทธิราว 25 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิต่อเนื่องวันที่ 3)  ฟิลิปปินส์ แต่ซื้อสุทธิเล็กน้อยราว 4 ล้านเหรียญ  และ ไทยต่างชาติซื้อสุทธิราว 83 ล้านเหรียญ หรือ 2,094 ล้านบาท (หลังจากขายสุทธิต่อเนื่อง 8 วัน) เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิราว 1,912 ล้านบาท ส่วนทางด้านตราสารหนี้ นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 20,101 ล้านบาท ตรงข้ามกับนักลงทุนต่างชาติที่ขายสุทธิ 2,624 ล้านบาท

โดยสรุปตลอดเดือน ก.ค. พบว่าต่างชาติ ยังขายสุทธิสะสมในตลาดหุ้นภูมิภาคสูงถึง 4.1 พันล้านเหรียญ ซึ่งใกล้เคียงกับยอดขายสุทธิสะสมในเดือน มิ.ย.(4.5 พันล้านเหรียญ) และถ้าพิจารณาเป็นรายประเทศ พบว่าเป็นการซื้อสุทธิอยู่ประเทศเดียวคือ อินโดนีเซีย โดย ซื้อสุทธิเล็กน้อยราว 10 ล้านเหรียญ ส่วนที่เหลือทั้งหมดขายสุทธิสะสม คือ เกาหลีใต้ถูกขายสุทธิสูงสุดในภูมิภาคราว 1.7 พันล้านเหรียญ รองลงมาคือ ไต้หวันถูกขายสุทธิราว 1.5 พันล้านเหรียญ ฟิลิปปินส์ถูกขายสุทธิราว 193 ล้านเหรียญ และไทยถูกขายสุทธิ 83 ล้านเหรียญ

สำหรับแนวโน้มเดือนสิงหาคม คาดว่าตลาดชาติยังไม่กลับมาซื้อตลาดหุ้นไทยเหมือนในหลายเดือนที่ผ่านมา จากปัจจัยเสี่ยงต่อตลาดหุ้นไทยยังมีทั้ง  การปรับลดประมาณการกำไรลง  และ การขึ้นดอกเบี้ยฯ สหรัฐในช่วงปลายปี  น่าจะสนับสนุนให้ต่างชาติยังชะลอการซื้อหุ้นในภูมิภาคเอเซีย

ทั้งนี้แม้ยอดขายสะสมสุทธิในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันสูงราว 1.2 พันล้านเหรียญ หรือ 4.2 หมื่นล้านบาทแล้วก็ตาม  เพราะหากพิจารณาสถิติ 10 ปีย้อนหลังพบว่า ต่างชาติซื้อหุ้นไทยในเดือน ส.ค. เพียง 5 ใน 10 ปีที่ผ่านมา และให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเพียง 0.2% ด้วยโอกาสที่จะให้ผลตอบแทนเป็นบวกราว 60% เท่านั้น

Back to top button