ชง 20 หุ้นเด่นเก็งกำไร Q2 แข็งแกร่งSET ยังปรับฐานรอผลประชุมกนง.บ่ายนี้

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสรีบาวด์สั้น ก่อนจะแกว่งตัวรอผลประชุมกนง.ในช่วงบ่ายเวลา 14.30 น.อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงกังวลเรื่องเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนก.ย.นี้ ซึ่งจะส่งผลให้ต่างชาติยังขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่ออีก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.12 น. ค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่ 35.11 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสรีบาวด์สั้น ก่อนจะแกว่งตัวรอผลประชุมกนง.ในช่วงบ่ายเวลา 14.30 น.อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงกังวลเรื่องเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนก.ย.นี้ ซึ่งจะส่งผลให้ต่างชาติยังขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่ออีก

สำหรับหุ้นเด่นวันนี้ ได้แก่  THCOM, BTS, HANA, EASTW, SCC, AAV, ADVANC, INTUCH, TRUEIF,  CK STEC, SEAFCO, KBANK, BLA, EA, AAV, TIPCO, SAWAD, BEAUTY และ ITD

 

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้จะเคลื่อนไหวไซด์เวย์ อาจดีดกลับขึ้นได้ตามราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวขึ้น ซึ่งจะทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานดีดกลับ แต่เชื่อว่าดัชนีจะขยับขึ้นไม่ได้มากนัก เพราะตลาดยังกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) หลังล่าสุดประธานเฟด สาขาแอตแลนตา ออกมาระบุว่าเศรษฐกิจของสหรัฐมีความพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษ

ขณะที่ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา เป็นสมาชิกคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดที่มีสิทธิโหวต ทำให้การออกมาระบุดังกล่าวนับว่ามีน้ำหนัก ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตร(bond yield)ปรับตัวขึ้น และค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น

นอกจากนี้ยังต้องติดตามการปรับเป้าหมายตัวเลขการส่งออกของไทยในปีนี้ โดยคาดว่ากระทารวงพาณิชย์จะปรับลดเป้าหมายการส่งออกในปีนี้เหลือไม่เติบโต หรือติดลบเล็กน้อย จากเป้าเดิมที่คาดเติบโต 1.2% ในปีนี้ หลังในช่วงครึ่งแรกปีนี้ตัวเลขส่งออกของไทยติดลบ 4.84% ส่วนการประชุมกนง.ในวันนี้ คาดว่าจะไม่มีประเด็นที่สร้างความประหลาดใจให้กับตลาด โดยคาดว่ากนง.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยายที่ระดับ 1.5% ต่อไป

พร้อมมองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีแนวรับบรเวณ 1,428 และ 1,422 ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,440-1,1442

 

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์ (5 ส.ค.) คงน้ำหนักการลงทุนวันนี้เป็น “กลาง” วันที่ 21 และให้น้ำหนักกับการเกิด Technical Rebound หลังราคาน้ำมันดิบ NYMEX คืนวานนี้ปิดฟื้นตัว 1.26% dod ย่อมทำให้หุ้นกลุ่มน้ำมัน นำโดย PTT / PTTEP น่าจะฟื้นตัวได้เล็กน้อย ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่ต่างรอดูผลการประชุมกนง. ซึ่งจะทราบผลก่อนตลาดรอบบ่ายเปิดทำการ และตลาดต่างคาดการณ์ กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% หากเป็นไปตามคาด เชื่อว่าหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร นำโดย KBANK จะฟื้นตัว กลายเป็น 2 ปัจจัยที่ทำให้ SET INDEX ฟื้นตัวสู่แนว 1,440 จุด อีกครั้ง

ขณะที่การประชุม ครม.วานนี้ ยังไม่มีการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 6 ข้อ ตามที่ รมว.คลัง นายสมหมาย ภาษี เตรียมเสนอตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล เพราะความเห็นต่อมาตรการดังกล่าว ใกล้เคียงกับสิ่งที่ รัฐบาลดำเนินการอยู่ ณ ปัจจุบัน หากมีการพิจารณาอนุมัติออกมา ย่อมไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชนและภาคเอกชนได้ตามที่คาดหวังไว้ คิดว่า สิ่งที่ภาคเอกชนต้องการเห็นคือ การเร่งพิจารณาและเปิดการประมูลโครงการลงทุนขนาดใหญ่ เพื่อเป็นการวางรากฐานระบบการขนส่ง โลจิสติกส์ เป็นสำคัญ

ทั้งนี้ปัจจัยที่จะผลักดันให้ SET INDEX ทะลุแนว 1,450 จุดขึ้นไปทดสอบกรอบ 1,480-1,500 จุดได้ในระยะถัดไป ให้น้ำหนักกับเงื่อนไข 1) ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นไทยจากนี้ไปจะออกมาใกล้เคียง หรือ ดีกว่าคาด เพื่อลดความเสี่ยงที่จะมีการปรับประมาณการกำไรสุทธิตลาดหุ้นไทยในปีนี้และปีหน้าลง และ / หรือ 2) การเคลื่อนไหวค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสะท้อนถึงกระแสเงินทุนต่างชาติต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เชื่อว่า 35.50-36.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ น่าจะสะท้อนความอ่อนแอของเศรษฐกิจไทย และความเสี่ยงที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้ เราประเมินว่า นักลงทุนต่างชาติมีโอกาสที่จะพลิกกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทย อย่างน้อยต้นทุนทางการเงินที่ถูกลงจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า 6.27% YTD และผลตอบแทนจากเงินปันผลระหว่างกาลในหุ้นหลักราว 2.0% +/-

นอกจากนี้ มูลค่าการซื้อขายเบาบาง สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่อยู่ในระดับต่ำ ประเมินว่าปัจจัยที่จะกลับมาเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนได้ คือ 1) ค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ทรงตัวหรือแกว่งในกรอบแคบลง และ/หรือ 2) การปรับครม. ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในช่วงปลายเดือนส.ค.ถึงเดือนก.ย. หลัง ครม.บริหารประเทศครบ 1 ปี หากการปรับเปลี่ยน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากภาคเอกชน ย่อมเป็นทางเลือกที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งทีมเศรษฐกิจ

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ “นักลงทุนที่สะสมหุ้นเป้าหมายบริเวณ 1,400-1,410 จุดอาจพิจารณาขายทำกำไรรอบสั้นไปบางส่วน บริเวณ 1,450 จุด +/- และถือพอร์ตหุ้นที่เหลือ เพื่อรอประเมินภาพรวมในระยะถัดไป เพื่อดูแรงฟื้นตัวของ SET INDEX ว่าจะทะลุผ่าน 1,500 จุดในรอบสั้นนี้ได้หรือไม่”

Speculative Buy: ITD

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (5 ส.ค.) แม้ SET ปรับลดลงจากกลุ่มพลังงาน แต่ยังไม่ทำให้มุมมองต่อการ Rebound เสียหาย โดยยังมองเป้าหมาย 1,456 หรือ 1,490 จุด ต่อไป ขณะที่ยังมองกลุ่มธนาคาร (คาด กนง.คงดอกเบี้ย 1.50% วันนี้ หนุนกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ ขณะที่กลุ่ม Leasing ถูกกดดัน) และสื่อสาร (เด่นที่ปันผลสูง กำไร 2Q15 ออกมาดี โดยเฉพาะ ADVANC) ทั้งนี้กลยุทธ์หลักแนะนำ “Selective” หรือ “เลือกซื้อ” ต่อไป กลุ่มหุ้นปันผลสูง: “ซื้อ” ADVANC INTUCH (คาดปันผลกลางปี 2.42 บาท/หุ้น หรือ Div Yield 3%) และ TRUEIF

กลุ่มหุ้นรับเหมาฯ + วัสดุก่อสร้าง: CK STEC SEAFCO SCC กลุ่มหุ้น Valuation ถูก: KBANK (PBV ปัจจุบันต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต 13%, PE’15 10x) BLA (กำไร Turnaround) และ EA รวมถึงกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันลง: “เก็งกำไร” AAV และ TIPCO (ได้ประโยชน์ผ่าน TASCO ราคาต่ำกว่า NAV ที่ 20.25 อยู่ 29%)

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (5 ส.ค.) ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ เด้งสั้น ก่อนแกว่งตัวรอผลประชุม กนง.ช่วงบ่าย

คาดดัชนีวันนี้รีบาวด์สั้น ก่อนแกว่งตัวรอผลประชุม กนง.วันนี้เวลา 14.30 น. ทั้งนี้ หาก กนง.ลดดอกเบี้ย 0.25% (ซึ่งเป็นกรณีเซอร์ไพร์ตลาด) จะส่งผลดีต่อจิตวิทยา SET โดยรวมและหุ้นที่อ่อนไหวต่อดอกเบี้ย แต่จะกดดันหุ้นกลุ่มธนาคารเล็กน้อย ด้านปัจจัยภายนอก ตลาดน้ำมันรีบาวด์เล็กน้อยแต่ยังอยู่ในทิศทางที่ไม่แข็งแกร่งหลังปริมาณผลิตน้ำมันหกลุ่ม OPEC เดือนก.ค.อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่เงินดอลล่าร์แข็งค่าต่อ หลังผู้ว่าเฟดแอตแลนตา Dennis Lockhart ให้สัมภาษณ์ชี้ว่าเจ้าหกน้าที่เฟดพร้อมขึ้นดอกเบี้ยในก.ย.นี้ ซึ่งประเด็นเรื่องนี้อาจกดดันให้ต่างชาติขายสุทธิต่อในช่วงสั้นนี้

หุ้นเด่นวันนี้  รับเสี่ยงได้ เก็งกำไร BKD, กลุ่มบ้าน AP+SPALI

 

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (5 ส.ค.) คาด SET ยังคงอยู่ในภาวะปรับฐานต่อเนื่อง เพราะยังมีปัจจัยกดดันรอบด้าน และ ณ ดัชนีปัจจุบันมี PER ที่ 15.6 เท่า ยังแนะนำให้ปรับพอร์ต และเลือกหุ้นที่กระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัวน้อย ยังชื่นชอบ THCOM, BTS, HANA, EASTW และเลือก SCC(FV@B580) เป็น Top pick

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (5 ส.ค.) ตลาดหุ้นไทยรับผลกระทบจากแรงขายในหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันปรับตัวลดลงมาที่ระดับ 45 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนการประชุม ครม. วานนี้ได้เลื่อนการพิจารณา 6 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ วันนี้ติดตามการประชุม กนง. คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.5 % ซึ่งน่าจะส่งผลบวกต่อกลุ่มธนาคาร

กลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนียัง Sideway ในกรอบ 1,420 – 1,450 จุด แนะนำเทรดดิ้งระยะสั้น  ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไร  AAV ([email protected]) ได้รับประโยชน์จากทิศทางราคาน้ำมันปรับตัวลดลง

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (5 ส.ค.) Sideway รอปัจจัยบวกใหม่หนุนตลาด คาดปริมาณการซื้อขายจะยังเบาบาง นักลงทุนส่วนใหญ่รอผลการประชุมกนง. บ่ายนี้ รวมไปถึงตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ(ADP)คืนนี้และตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (non-farm) ศุกร์นี้ 

กลยุทธ์วันนี้:  Selective BUY/เก็งกำไรหุ้นที่ประกาศ 2Q15 ดีกว่าคาด อย่าง EA SAWAD และ BEAUTY

Back to top button