SET สัปดาห์นี้รีบาวด์ต่อเนื่อง ชู 10 หุ้นเด่นเน้น Dividend Play-Domestic Deep

Weekly outlook : “Rebound” ต้าน 1,156/1,220 จุด รับ 1,040/1,010 จุด

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า สัปดาห์นี้ (23-27 มี.ค.63) สัปดาห์นี้คาดตลาดหุ้นไทย ‘Rebound’ การแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ที่รุนแรงต่อเนื่อง ทำให้เศรษฐกิจโลกมี downside เราจึงเห็นความพยายามของหลายประเทศในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ นำโดย 1)FED ปรับลดดอกเบี้ยฉุกเฉิน 2 ครั้ง ครั้งแรก 50bps ตามมาด้วยอีก 100bps ท าให้ดอกเบี้ยปัจจุบันลงมาที่ 0.0-0.25% พร้อมทั้งปล่อย QE วงเงิน 7 แสนล้านเหรียญฯ

นอกจากนี้ยังประกาศความร่วมมือกับธนาคารกลางต่างๆในการทำข้อตกลงสว็อป อายุ 6 เดือน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องสกุลเงินดอลลาร์ หลังระบบการเงินทั่วโลกประสบปัญหาค่าเงินดอลลาร์ตึงตัว 2) ECB ประกาศเพิ่มวงเงิน QE เป็น 1.2 แสนล้านยูโรจนถึงสิ้นปีนี้ และประกาศซื้อหลักทรัพย์ของภาคเอกชนและภาครัฐวงเงินรวม 7.5 แสนล้านยูโร 3)BoE ปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉิน 0.15% สู่ระดับ 0.10% เป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และเพิ่มวงเงิน QE อีก 2 แสนล้านปอนด์ สู่ระดับ 6.45 แสนล้านปอนด์ 4)BOJ เพิ่มวงเงินเข้าซื้อ ETF สู่ 12 ล้านล้านเยน/ปี และซื้อ JREIT สู่ 1.8 แสนล้านเยน จาก 9หมื่นล้านเยน รวมถึงเริ่มโครงการปล่อยเงินกู้ให้เอกชน ในอัตราดอกเบี้ยที่ 0% อายุ 1ปี เริ่ม 24 มี.ค. ถึง ก.ย. 2020 5)จีนปรับลด RRR ลง 0.5-1.0% เพิ่มสภาพคล่องสู่ระบบราว 7.8 หมื่นล้านเหรียญ

นอกจากนี้ สำหรับการประชุม BOT รอบนี้ Nomura คาดกนง.จะปรับลดดอกเบี้ยลง 25bps สู่ระดับ 0.75% และให้โอกาสที่จะปรับลดอีก 25bps ในช่วง 2Q20เนื่องจากเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากโรค Covid-19 ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยว การส่งออก รวมถึงการบริโภคภายในที่ยังชะลอตัวจากภาวะภัยแล้ง และประชาชนกังวลเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ทำให้เห็นมาตรการภาครัฐทยอยออกมาต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ดี ยังคงต้องจับตาว่าจะสามารถฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุน และพยุงเศรษฐกิจได้มากน้อยเพียงใด

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนลดลง หลังตลท.มีการปรับเปลี่ยนเกณฑ์ Ceiling-Floor จากเดิม บวก/ลบ 30% เป็น บวก/ลบ 15% มีผลชั่วคราวจนถึงไม่เกิน 30 มิ.ย. ทำให้จิตวิทยาการลงทุนโดยรวมมีสัญญาณที่ดีขึ้น แต่ประเด็นสำคัญยังอยู่ที่การแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ในไทย หลังยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นไวรวมกว่า 322 ราย

โดยในปัจจุบันที่ภาครัฐมีการใช้มาตรการปิดสถานบันเทิงต่างๆในเขตกรุงเทพและปริมนฑลเป็นระยะเวลา 14 วัน Nomura ประเมินจะกระทบต่อ GDP ราว 0.09%-0.16% (กรณีเข้มงวดขึ้น LockDown กทม และปริมณฑล 1 เดือน จะกระทบ GDP ราว 0.5-0.9%) กลยุทธ์การลงทุน: จังหวะ Rebound ต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ โดย SET ยังคงมีฐานรับการฟื้น ตัวที่กรอบ 1000-940 จุด โดยมีดัชนีเป้าหมายปลายปีนี้ที่ 1360จุด

กลยุทธ์เน้นระยะยาว Dividend Play: ADVANC, INTUCH, AP, LH, KKP, TVO ,Domestic Deep Value CPALL, HMPRO, BJC และกลุ่มอาหาร CPFเป็นหลัก

หุ้นเด่นสัปดาห์นี้: แนะนำ CPF, CPALL, HMPRO ส่วนสัปดาห์ก่อน ADVANC, CPALL,

HMPRO ให้ผลตอบแทน 0.48% ดีกว่าดัชนีฯที่ให้ผลตอบแทน -0.15%

CPF (TP34.5) : กลุ่มโปรตีนมีความปลอดภัยสูงในภาวะโรคระบาด + เงินบาทอ่อนหนุน

CPALL (TP78) : หมด Overhang + ซื้อ Tesco Lotus เพิ่มส่วนแบ่งตลาด

HMPRO (TP15) : Deep Value + หมด Overhang กลุ่ม