SET เริ่มฟื้น แรงกดดันหุ้นแบงก์ใหญ่คลายตัวชง 16 หุ้นเด่น เกาะเทรนด์ กนง.คงดอกเบี้ย
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสที่จะไต่ระดับขึ้นทดสอบ 1,440 จุดอีกครั้ง ส่วนการที่ กนง.คงดอกเบี้ย คาดว่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ และเป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของ SET ต่อเนื่องวันนี้ การลงทุนเน้นกลุ่มปันผลสูง, รับเหมาฯ, Valuation ถูก, ได้ประโยชน์จากน้ำมันขาลง และได้รับผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวน้อย
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.13 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.17 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้น รับภาคบริการสหรัฐขยายตัวในเดือนก.ค. นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสที่จะไต่ระดับขึ้นทดสอบ 1,440 จุดอีกครั้ง ส่วนการที่ กนง.คงดอกเบี้ย คาดว่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ และเป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของ SET ต่อเนื่องวันนี้
การลงทุนเน้นกลุ่มปันผลสูง, รับเหมาฯ, Valuation ถูก, ได้ประโยชน์จากน้ำมันขาลง และได้รับผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวน้อย หุ้นเด่นเลือก BCP-BMCL-IFEC-WHA-ITD-KTB-THCOM-BTS-HANA-EASTW-SCC-KBANK-ADVANC-INTUCH-RICH และ CHOW
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ส.ค.) คงน้ำหนักการลงทุนวันนี้เป็น “กลาง” วันที่ 22 พร้อมให้น้ำหนักที่ SET INDEX มีโอกาสที่จะไต่ระดับขึ้นทดสอบ 1,440 จุดอีกครั้ง หลังแรงกดดันต่อกลุ่มธนาคารคลายตัว เมื่อ กนง. ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เป็นมติเอกฉันท์ 7-0 นั่นย่อมดีความได้ว่า การประชุมในช่วงที่เหลือ กนง.น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% หากภาพรวมเศรษฐกิจไทยค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างช้าๆ ตามที่กนง.ให้ความเห็น ดังนั้นแรงกดดันต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ของธนาคารขนาดใหญ่จะคลายตัวลง
ขณะที่ บลจ.เริ่มกลับมาพิจารณาและเปิดขาย IPO กองทุนทริกเกอร์ฟันด์รอบใหม่อีกครั้ง ณ ปัจจุบันมี 2 บลจ. วงเงิน 2,000 ล้านบาท คาดว่าเงินลงทุนใหม่จะเริ่มเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยปลายสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้า ซึ่งน่าจะช่วยปิด Downside risk ของ SET INDEX ในช่วงสั้น
และหากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก อย่าง NYMEX แกว่งแคบเหนือ US$45/barrel เราเชื่อว่ากลุ่มพลังงานโดยรวมจะทรงตัวเพื่อรอดูผลการดำเนินงาน 2Q58 ที่จะทยอยประกาศออกมามากขึ้นในช่วงนี้จนถึงกลางเดือนส.ค.
ปัจจัยต่างประเทศในช่วงสั้นนี้ ขาดน้ำหนัก เป็นเพียงการติดตามผลการประชุมของ BoE วันนี้ และ BoJ วันพรุ่งนี้ รวมถึงพัฒนาการระหว่างกรีซและเจ้าหนี้ Troika เพื่อหาข้อสรุปเงื่อนไขการรับเงินกู้รอบที่ 3 อายุ 3 ปี วงเงิน 8.6 หมื่นล้านยูโร ได้ก่อนกลางเดือนส.ค. เพื่อให้นายกฯ กรีซนำเสนอต่อสภากรีซ ได้หรือไม่ เพราะหนี้ ECB จะครบกำหนดอีก 3.2 พันล้านยูโรในวันที่ 20 ส.ค.นี้
ทั้งนี้ปัจจัยที่จะผลักดันให้ SET INDEX ทะลุแนว 1,450 จุดขึ้นไปทดสอบกรอบ 1,480-1,500 จุดได้ในระยะถัดไป โดยให้น้ำหนักกับเงื่อนไข 1) ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นไทยจากนี้ไปจะออกมาใกล้เคียง หรือ ดีกว่าคาด เพื่อลดความเสี่ยงที่จะมีการปรับประมาณการกำไรสุทธิตลาดหุ้นไทยในปีนี้และปีหน้าลง
และ/หรือ 2) การเคลื่อนไหวค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสะท้อนถึงกระแสเงินทุนต่างชาติต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เราเชื่อว่า 35.50-36.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ อาจเห็น นักลงทุนต่างชาติมีโอกาสพลิกกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทย หลังค่าเงินบาทที่อ่อนค่า 6.27% จากช่วงต้นปี และผลตอบแทนจากเงินปันผลระหว่างกาลในหุ้นหลักราว 2.0% +/-
รวมถึงมูลค่าการซื้อขายเบาบางตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่อยู่ในระดับต่ำ เราเชื่อว่าปัจจัยที่จะกลับมาเรียกความเชื่อมั่น คือ 1) ค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ทรงตัวหรือแกว่งในกรอบแคบลง และ/หรือ 2) การปรับครม. ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในช่วงปลายเดือนส.ค.ถึงเดือนก.ย. หลัง ครม.บริหารประเทศครบ 1 ปี
กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ “นักลงทุนที่สะสมหุ้นเป้าหมายบริเวณ 1,400-1,410 จุดอาจพิจารณาขายทำกำไรรอบสั้นไปบางส่วน บริเวณ 1,450 จุด +/- และถือพอร์ตหุ้นที่เหลือ เพื่อรอประเมินภาพรวมในระยะถัดไป เพื่อดูแรงฟื้นตัวของ SET INDEX ว่าจะทะลุผ่าน 1,500 จุดในรอบสั้นนี้ได้หรือไม่”
Top Pick in Q3/15: BCP/BMCL/IFEC/WHA
Speculative Buy: ITD/KTB
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ส.ค.) ว่า กนง.คงดอกเบี้ยที่ 1.50% ตามคาด คาดว่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ อย่าง KBANK SCB KTB และเป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของ SET ต่อเนื่องวันนี้ ทั้งนี้กลยุทธ์หลักแนะนำ “Selective” ต่อไป ดังนี้
1) กลุ่มหุ้นปันผลสูง: “ซื้อ” ADVANC INTUCH (คาดปันผลกลางปี 2.42 บาท/หุ้น หรือ Div Yield 3%) และ TRUEIF
2) กลุ่มหุ้นรับเหมาฯ (ดูเพิ่มใน Tactical Portfolio) + วัสดุก่อสร้าง: CK STEC SEAFCO และ SCC
3) กลุ่มหุ้น Valuation ถูก: KBANK (PBV ปัจจุบันต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต 14%, PE’15 9.8 เท่า ทั้งนี้หุ้นกลุ่มธนาคารส่วนใหญ่ซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV ในอดีต ดังนี้ BBL -23.4%, KKP -43%, KTB -18.7%, SCB -15.6%, TISCO -16.2%, TMB -5.5%) BLA (กำไร Turnaround) และ EA (กำไรไตรมาส 2/15 ประมาณ 800 ล้านบาท เติบโต 100% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน)
และ 4) กลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันลง “เก็งกำไร” AAV และ TIPCO
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ส.ค.) ว่า สถานการณ์แวดล้อมในเชิงพื้นฐานเห็นได้ชัดเจนว่ายังไม่มีปัจจัยบวกที่มีน้ำหนักมากพอที่จะขับเคลื่อน SET Index ให้ปรับขึ้นไปได้ การลงทุนในช่วงนี้ยังให้เน้นหุ้นที่กระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัวน้อย ยังชื่นชอบ THCOM, BTS, HANA, EASTW และเลือก SCC (FV@B580) เป็น Top pick
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ส.ค.) แนะนำกลยุทธ์การลงทุน เทรดดิ้งตามกรอบ 1,420-1,450 จุด เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนตลาด และอยู่ระหว่างการรอการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/58 แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัวในหุ้นที่คาดจะเป้าหมายของ Trigger fund เช่น KBANK, SCC, ADVANC และ INTUCH
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ส.ค.) คาดการณ์มุมมองทางเทคนิค SET เมื่อวันก่อนดีดขึ้นแต่ยังไม่ผ่านแนวต้าน 1,442 ขณะที่ MACD ลบลดลงอยู่ที่ที่ -12.99 การแกว่งตัว sideway ยังเกิดขึ้นอยู่ แต่ภาพตลาดหลักจะยังไม่สามารถแสดงภาพแนวโน้มขึ้นที่ชัดเจนได้อาจมีทิศทางแกว่งตัวผันผวน สัญญาณขาลงยังไม่หมด เนื่องจาก MACD ยังแสดงค่าลบ และ SET ยังเคลื่อนไหวใต้ MA25 โดยรูปของ candlestick เมื่อวานนี้อาจทำให้ตลาดค่อยๆปรับลงเข้าไปทดสบแนวรับในขึ้นต่างๆได้
แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 1,424-1,442
หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไรRICH และ CHOW