SET ซบเซา เจอแรงกดดันใน-นอกปท.แนะช้อน 14 หุ้นเด่น เลี่ยงกลุ่มพลังงาน

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ยังซบเซาต่อเนื่อง หลังยังไม่มีปัจจัยบวกทั้งภายในและภายนอกประเทศ อีกทั้งคาดว่าจะถูกกดดันจากหุ้นพลังงาน หลังวานนี้ (6 ก.ค.) น้ำมัน WTI หลุด 45 เหรียญฯ ครั้งแรกในรอบเกือบ 5 เดือน


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.24 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.13 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงในช่วงเช้านี้ โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐ

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ยังซบเซาต่อเนื่อง หลังยังไม่มีปัจจัยบวกทั้งภายในและภายนอกประเทศ อีกทั้งคาดว่าจะถูกกดดันจากหุ้นพลังงาน หลังวานนี้ (6 ก.ค.) น้ำมัน WTI หลุด 45 เหรียญฯ ครั้งแรกในรอบเกือบ 5 เดือน

หุ้นเด่นเลือก  BKD-SAMART-SCN-EPG-TPCH-GUNKUL-BH-BDMS-EA-FORTH-SYNTEC-CK-STEC และSEAFCO

 

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มที่จะผันผวนในทิศทางลง หลังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามา โดยในส่วนของปัจจัยภายในประเทศยังถูกดดันจากการที่กระทรวงพาณิชย์ ปรับลดเป้าหมายตัวเลขส่งออกในปีนี้เป็นติดลบ 3% จากเดิมคาดโต 1.2% ขณะที่การทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/58 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ทยอยออกมา มีแนวโน้มที่จะเห็นการปรับลดเป้าประมาณการกำไรของบจ.ในปีนี้ 

นอกจากนี้ในส่วนปัจจัยต่างประเทศ ยังคงเป็นไปในทิศทางเชิงลบ โดยตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดเมื่อคืนนี้ร่วงลงแรง และตลาดหุ้นภูมิภาคที่เปิดทำการเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ พร้อมมองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีเคลื่อนไหวบริเวณ 1,420-1,440 จุด

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (7 ส.ค.) คาด SET วันศุกร์แกว่งลงต่อ หุ้นพลังงานยังถ่วง SET หลังน้ำมัน WTI หลุด 45 เหรียญฯ ครั้งแรกรอบเกือบ 5 เดือน ด้วยความกังวลต่ออุปทานน้ำมันจากสหรัฐ และ OPEC รวมทั้งรายงานของ Goldman Sachs ที่ระบุอุปทานส่วนเกินขณะนี้สูงกว่าค่าเฉลี่ยช่วงครึ่งแรกของปี 58

ด้านปัจจัยภายนอกยังไม่ชัดเจน ตลาดรอดูตัวเลขจ้างงานและอัตราว่างงานสหรัฐ ก.ค. ในวันนี้ เพื่อกำหนดเวลาที่เหมาะสมในการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ โดยภาวะเช่นนี้คาดต่างชาติยังขายสุทธิต่อ ทั้งนี้หลังจากตัวเลขสหรัฐ ในวันนี้ คาดตลาดจะเปลี่ยนมาติดตามปัจจัยในประเทศ เช่นผลประกอบการ บจ.ไตรมาส 2 และ GDP ไตรมาส 2/58

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐานเก็งกำไร BKD-SAMART

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (7 ส.ค.) ว่า แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้จะยังซบเซาต่อเนื่อง และผันผวนในทิศทางลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ นักลงทุนส่วนใหญ่จะรอรายงานตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนและอัตราการว่างงานเดือนก.ค. ของสหรัฐในคืนนี้ รวมถึงตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนใน เดือน ก.คในวันอาทิตย์นี้ด้วย

กลยุทธ์วันนี้ Selective BUY/เน้นหุ้น Defensive โรงพยาบาล (BH-BDMS) โรงไฟฟ้า (EA-GUNKUL)

Accumulative BUY: SCN-EPG-TPCH-GUNKUL

 

บล.เอเซียพลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ระบุในบทวิเคราะห์ (7 ส.ค.) ว่า กลยุทธ์การลงทุนสภาพแวดล้อมในเชิงพื้นฐานยังไม่เอื้อต่อการปรับขึ้นของตลาดหุ้นไทย ขณะที่ยังไม่เห็นสัญญาณการกลับเข้ามาของ Fund Flow ต่างชาติ อย่างไรก็ตามควรจับตาที่เงินบาท หากอยู่ในภาวะที่ Downside จํากัด ก็อาจมีส่วนทําให้ Fund Flow ไหลกลับ ตัวเลือกการลงทุนยังให้เน้นหุ้นที่ทนทานต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศ เช่น THCOM-BTS-HANA-EASTW และเลือกSCC(FV@B580) เป็น Top pick

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (7 ส.ค.) แนะนำกลยุทธ์การลงทุน สังเกตุแนวรับระยะสั้นบริเวณ 1,430 จุด หากยืนไม่ได้แนะนำทยอยซื้อที่ระดับ 1,410-1,420 จุด แนวต้านที่ระดับ 1,440 จุด ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไรในหุ้นที่มีโมเมนตัมบวก เช่น  FORTH-SYNTEC

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (7 ส.ค.) ว่า การปรับเป้าหมายส่งออกของ กระทรวงพาณิชย์ลงเป็น -3% ไม่ได้ต่างกับที่ คาดการณ์ โดยคาดการณ์ส่งออกหดตัวลง -5.3% ปีนี้ ก่อนที่จะฟื้นตัวเล็กน้อย 2.3% ในปี 59 ขณะที่ปัจจัยหลักที่ผลักดันการขยายตัวของเศรษฐกิจมาจาก 1) การขยายตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 2) การลงทุนภาครัฐฯ ที่คาดว่าจะเติบโตสูงถึง 27.9-12.8% ในปี 58-59 ทั้งนี้แม้การ “พักฐาน” ในจังหวะ Rebound ของ SET อาจปรับลดลงมาได้ถึง 1,418 จุด (Gap ทางเทคนิค) แต่ยังคงมุมมอง Rebound ไปได้ถึง 1,450 หรือ 1,490 จุด ระยะสัปดาห์

ทั้งนี้แนะนำ“ซื้อ CK-STEC-SEAFCO จากความคืบหน้าลงทุนรถไฟรางคู่ ที่เห็นชอบ TOR เส้นทาง คลอง19 -แก่งคอยแล้ว และคาดว่าจะมีการเปิดประมูล 1) รถไฟรางคู่จิระ-ขอนแก่น, มอเตอร์เวย์พัทยา-มาบตาพุต, สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ภายในไตรมาส 3-4/58 นี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นในระยะถัดไป

Back to top button