ดัชนีบ่ายนี้แกว่งแคบ-ระวังแรงขายท้ายตลาดสะสมหุ้นรับเหมาฯ ได้ประโยชน์โครงการภาครัฐ

SET เช้าแกว่งแคบ รอดูทิศทางเงินบาท ประกอบกับเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัว ทำให้กังวลว่าจะกระทบต่อประมาณการกำไรของบจ. ส่งผลให้นักลงทุนเลือกที่จะลดพอร์ต และสำรองเงินเพื่อหาจังหวะเข้าลงทุนรอบใหม่ บ่ายคาดดัชนีแกว่งแคบ ระวังแรงขายท้ายตลาด มองกรอบเคลื่อนไหวที่ 1,425-1,437 หากหลุด 1,425 จุดจะมีแนวรับถัดไปที่ 1,401 จุด ขณะที่ แนะนำกลุ่มรับเหมาฯ เนื่องจากเป็นกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากการเริ่มประมูลโครงสร้างพื้นฐาน


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (7 ก.ค.) เคลื่อนไหวในกรอบแคบ รอดูความชัดเจนของทิศทางค่าเงินบาท รวมถึงภาวะเศรษฐกิจในประเทศยังไม่มีแนวโน้มฟื้นตัว ทำให้มีความกังวลว่าอาจจะกระทบต่อประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียน จึงส่งผลให้นักลงทุนเลือกที่จะลดพอร์ต และสำรองเงินสดเอาไว้เพื่อหาจังหวะเข้าลงทุนรอบใหม่

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ดัชนีหุ้นไทยคงแกว่งแคบ และให้ระวังแรงขายออกมาในช่วงท้ายตลาด โดยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่บริเวณ 1,425-1,437 และหากหลุด 1,425 จุด จะมีแนวรับถัดไปที่ 1,401 จุด ขณะที่ แนะนำกลุ่มรับเหมาฯ

ขณะที่ แนะนำกลุ่มรับเหมาฯ ITD-CK-STEC-UNIQ และ SEAFCO จะเป็นเป้าหมายในการเข้าซื้อของ Trigger Fund นอกจากนี้ยังแนะซื้อเก็งกำไร SIRI คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/58 จะออกมาดีกว่าคาด

 

นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มแกว่งตัวลง จากความกังวลเศรษฐกิจในประเทศที่แม้จะไม่ถึงกับชะลอตัว แต่ไม่ได้อยู่ในภาวะที่ฟื้นตัวทำให้มีโอกาสที่จะปรับลดกำไรของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) ในปีนี้ลง ส่งผลให้นักลงทุนคงชะลอการลงทุนเพื่อรอดูทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้น ขณะที่การประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/58 ของบจ.ที่ออกมาในช่วงนี้ ไม่ได้มีนัยสำคัญต่อตลาดมากนัก เพราะส่วนใหญ่เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์

นอกจากนี้ตลาดยังรอดูทิศทางของค่าเงินบาท/ดอลลาร์ หลังจากที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงก่อนหน้าและเริ่มมีแนวโน้มทรงตัว แต่ยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจนมากนัก คาดว่าตลาดยังรอดูปัจจัยจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

สำหรับทางเทคนิคมองว่าดัชนีจบรอบการรีบาวน์ระยะสั้นแล้ว หลังปรับขึ้นจากระดับ 1,400 มาถึง 1,440 แต่ไม่สามารถที่จะผ่านไปได้ ประกอบกับรอดูทิศทางที่ชัดเจนของค่าเงินบาท/ดอลลาร์ และความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจดังกล่าว ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะลดพอร์ตลงอีกรอบ และสำรองเงินเพื่อรอการซื้อรอบใหม่ ซึ่งจะทำให้การเคลื่อนไหวของตลาดเป็นลักษณะ Sideways Down โดยมองว่าหากดัชนีปรับลงไปถึงระดับ 1,400 จุดอีกรอบเป็นโอกาสของการเข้าซื้อสะสมใหม่

แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดว่าดัชนีแกว่งแคบ และให้ระวังแรงขายออกมาในช่วงท้ายตลาด โดยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่บริเวณ 1,425-1,437 และหากหลุดบริเวณ 1,425 จะมีแนวรับถัดไปที่ 1,401 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (7 ก.ค. ) SET เคลื่อนไหวในกรอบแคบตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยหุ้นกลุ่มพลังงานถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงต่อเนื่อง ขณะที่คงมุมมอง Technical Rebound ไปที่ 1,450/1,490 จุด ระยะสัปดาห์ โดย Trigger Fund มูลค่า 2 พันล้านบาท คาดว่าจะมีบทบาทมากขึ้นในการเข้าซื้อหุ้นในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า

โดยคาดว่าหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ อย่าง ITD-CK-STEC-UNIQ และ SEAFCO จะเป็นเป้าหมายในการเข้าซื้อของ Trigger Fund เนื่องจากเป็นกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากการเริ่มประมูลโครงสร้างพื้นฐาน โดยตรงในช่วงไตรมาส 3 และ 4/58 ไม่ว่าจะเป็น 1) โครงการรถไฟรางคู่ 2) สนามบินสุวรรณภูมิเฟสสอง 3) มอเตอร์เวยย์สามเส้นทาง 4) โครงการรถไฟฟ้า โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีส้มที่คาดว่าจะเริ่มเปิดประมูลได้ภายในปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า

นอกจากนี้ ยังแนะนำ “เก็งกำไร” SIRI ด้วยเป้าหมายระยะสั้นที่ 1.73/1.80/1.90 บาท จาก 1) SIRI จะเปิดโครงการ The LINE สุขุมวิท 71 มูลค่า 2 พันล้านบาท (1,000 ล้านบาทขายให้กับลูกค้าต่างประเทศไปแล้ว) อย่างเป็นทางการในวันที่ 8 ส.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค ไม่ต่างกับ The LINE หมอชิต-จตุจักรที่ขายหมดภายในวันเดียว 

2) Presale ของครึ่งปีแรกปี 58 อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท คิดเป็น 46% ของเป้าหมายบริษัท โดยโครงการ The LINE ที่ร่วมกับ BTS อีก 4 โครงการจะเป็นตัวหนุน Pre-sale ต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง 3) ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/58 คาดว่าจะเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน และ ไตรมาสก่อนหน้าประมาณ 800 ล้านบาท (Consensus) จากการส่งมอบคอนโดหลายแห่ง

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 696.55 ล้านบาท ปิดที่ 240.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

AJD มูลค่าการซื้อขาย 533.10 ล้านบาท ปิดที่ 1.28 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

ASEFA มูลค่าการซื้อขาย 395.34 ล้านบาท ปิดที่ 5.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท

PK มูลค่าการซื้อขาย 367.56 ล้านบาท ปิดที่ 7.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท

PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 318.54 ล้านบาท ปิดที่ 61.75 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button