SET บ่ายแกว่งลบ-ไร้ปัจจัยใหม่โบรกฯแนะซื้อ 10 หุ้นพื้นฐานดี

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (11 ส.ค.) ปรับตัวขึ้นในช่วงแรกก่อนจะไหลลงมาตามแรงขายทำกำไรส่งผลให้ดัชนีปรับตัวลงในแดนลบ แม้ว่าหุ้นพลังงานฟื้นตัวตามราคาน้ำมันแต่ไม่ช่วยหนุนตลาดมากนัก อีกทั้งผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไม่โดดเด่น ทำให้ตลาดไม่มีปัจจัยหนุนช่วงนี้

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ทิศทางตลาดหุ้นไทยยังแกว่งในแดนลบ พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,416-1,422 จุด ขณะที่ แนะนำซื้อหุ้น ADVANC-INTUCH-TRUEIF-CK-STEC-SEAFCO-SCC-KBANK-BLA และ EA

 

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเชีย พลัส เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ได้ปรับตัวขึ้นในช่วงแรก หลังจากนั้นดัชนีได้ปรับตัวลงจากแรงขายทำกำไร แม้ว่าหุ้นกลุ่มพลังงานจะฟื้นตัวตามราคาน้ำมันที่รีบาวด์ แต่ยังไม่สามารถช่วยหนุนตลาดได้ ส่วนผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนมีไม่กี่บริษัทที่ออกมาโดดเด่น จึงไม่ได้ช่วยหนุนตลาดด้วยเช่นกัน ทำให้ตลาดขาดปัจจัยบวกใหม่เข้ามา จึงมีโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวลงได้อีก

ด้านตลาดหุ้นภูมิภาคเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบเล็กน้อย โดยปัจจัยที่ต้องติดตามอยู่ในช่วงสัปดาห์หน้า ทั้งรายงานผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 18 ส.ค. และการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2/58 ของไทยในวันที่ 17 ส.ค.นี้

แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดทิศทางตลาดหุ้นไทยยังแกว่งในแดนลบ พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,416-1,422 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (11 ก.ค. ) SET ฟื้นตัวเด่นตั้งแต่เปิดตลาด นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน อย่าง PTT PTTEP แต่แรงขาย AOT ออกมา ทั้งนี้ถ้าพิจารณาในเชิงเทคนิคจะเห็น Momentum ของการฟื้นตัวได้ต่อเมื่อ SET สามารถยืนได้เหนือ 1,430 จุดพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้น

ขณะที่ คงกลยุทธ์ลงทุน “Selective” กลุ่มหุ้นปันผลสูงแนะนำ“ซื้อ” ADVANC-INTUCH (Yield 3%) และ TRUEIF กลุ่มหุ้นรับเหมาและวัสดุก่อสร้าง CK-STEC-SEAFCO และ SCC กลุ่มหุ้น Valuation ถูก KBANK-BLA (กำไร Turnaround ด้วยการเติบโต 44-56% ในปี 58-59

ขณะเดียวกัน แนะนำ “ซื้อ” EA ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 30 บาท เนื่องจากกำไรในไตรมาส 2/58 เติบโต 38% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 96% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นหนุนกำไรเติบโตระยะยาว

นอกจากนี้ การประกาศลดค่าเงินหยวนของธนาคารกลางจีน (PBoC) ส่งผลให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลง 1.8% เทียบกับเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ตามค่าเอเชีย และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าตามค่าเอเชีย ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นไม่มากนักเมื่อเทียบกับค่าเงินหยวน และมองผลกระทบต่อ AOT (นักท่องเที่ยวจีนมีสัดส่วน 26% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด)

และ BEAUTY (ยอดขายให้กับนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 20% ของยอดขายทั้งหมด) เป็นเพียงผลกระทบทาง Sentiment เท่านั้น และยังแนะนำ “ซื้อ” ในทางพื้นฐานด้วยเป้าหมาย 380 บาท และ 5.20 บาท ตามลำดับ

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,222.89 ล้านบาท ปิดที่ 5.15 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท

PK มูลค่าการซื้อขาย 914.36 ล้านบาท ปิดที่ 7.90 บาท เพิ่มขึ้น 1.30 บาท

AOT มูลค่าการซื้อขาย 819.13 ล้านบาท ปิดที่ 277.00 บาท ลดลง 7.00 บาท

AJD มูลค่าการซื้อขาย 818.84 ล้านบาท ปิดที่ 1.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท

COM7 มูลค่าการซื้อขาย 813.48 ล้านบาท ปิดที่ 4.12 บาท ลดลง 0.04 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์