เลือกเล่น 15 บจ.เด่น เน้นกำไรดีกว่าตลาดSET เสี่ยงลงวัด 1,400 หลังจีนลดค่าเงิน

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสทดสอบแนวรับ 1,400 จุด อีกครั้ง จากการขยายกรอบค่าเงินหยวนช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความผันผวนในสินทรัพย์แทบทุกประเภททั่วโลก ขณะที่แรงขายจากต่างชาติยังคงดำเนินต่อไป เช่นเดียวกับตลาดเอเชียเกิดใหม่ อีกทั้งกลุ่มน้ำมันที่เผชิญกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับฐานลงแรงกดดันภาพรวมของการลงทุน


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.22 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.22 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยนักลงทุนเกิดความวิตกกังวลหลังจากที่เงินหยวนร่วงลงอีกในช่วงเช้านี้

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสทดสอบแนวรับ 1,400 จุด อีกครั้ง จากการขยายกรอบค่าเงินหยวนช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความผันผวนในสินทรัพย์แทบทุกประเภททั่วโลก ขณะที่แรงขายจากต่างชาติยังคงดำเนินต่อไป เช่นเดียวกับตลาดเอเชียเกิดใหม่ อีกทั้งกลุ่มน้ำมันที่เผชิญกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับฐานลงแรงกดดันภาพรวมของการลงทุน

การลงทุนเน้นหุ้นรายตัวที่ยังสามารถทำกำไรได้ดีกว่าตลาด และกลุ่มปันผลสูง หุ้นเด่นเลือก BCP-BMCL-IFEC-WHA-ADVANC-INTUCH-TRUEIF-BLA-SCC-THCOM-BTS-EASTW-SCC-CPALL และ WORK

 

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (13 ส.ค.) ลดน้ำหนักการลงทุนวันนี้เป็น “กลางถึงลบ” ครั้งแรกในรอบ 26 วันทำการ SET INDEX มีโอกาสทดสอบแนวรับ 1,400 จุด อีกครั้ง จากการขยายกรอบค่าเงินหยวนเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความผันผวนในสินทรัพย์แทบทุกประเภททั่วโลก ทั้งนี้ ประเมินผลกระทบดังกล่าวเป็นเพียงระยะสั้น ดังนี้

  • ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ กลับอ่อนค่า 0.91% ในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา แต่เงินยูโรกลับแข็งค่าอย่างโดดเด่น 1.32%
  • ราคาน้ำมันดิบปรับฐานลงแรง จากความอ่อนแอของอุปสงค์น้ำมันในจีนที่เติบโตต่ำ ขณะที่อุปทานจากกลุ่มโอเปคกลับเพิ่มขึ้น เท่ากับว่าอัตราเงินเฟ้อในเอเชีย ซึ่งเป็นประเทศบริโภคน้ำมันเป็นหลัก จะยังสามารถอยู่ในระดับต่ำ เอื้อต่อการคงนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายได้ต่อเนื่อง
  • ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐานลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจจีน เพราะตลาดกังวลถึงความสามารถในการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีนได้รับผลกระทบ แต่เราเชื่อว่าประเด็นนี้มีน้ำหนักจำกัด และเป็นช่วงสั้นๆ เท่านั้น
  • จับตาอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ริงกิต มาเลเซีย/รูเปียะ อินโดนีเซีย และวอน เกาหลีใต้ เพราะดุลบัญชีเดินสะพัดที่เปราะบาง และ/หรือ เงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับต่ำ ปัจจัยนี้ อาจทำให้ตลาดหุ้นของประเทศเหล่านี้ปรับฐานลงแรง รวมถึงตลาดหุ้นในเอเชียเกิดใหม่อื่นๆ อย่าง TAIEX/PSE/เวียดนาม ต่างชาติซื้อสุทธิหนาแน่นนับตั้งแต่ปีที่ผ่านมา อาจเผชิญกับการปรับพอร์ตหุ้นที่ค่อนข้างแรงในช่วงนี้
  • คาดกนง. จะพิจารณาคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ในการประชุมนัดหน้า หลังค่าเงินบาทอ่อนค่าแตะระดับ 35.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ
  • ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ กลับมองว่าการขยับของธนาคารกลางจีนครั้งนี้ เพื่อให้ค่าเงินหยวนระหว่าง Onshore – Offshore ใกล้เคียงกัน และนำไปสู่การพิจารณานำเงินหยวนเข้าสู่ SDR ที่ IMF จะมีพิจารณาในปลายปีนี้

สำหรับตลาดหุ้นไทย แรงขายจากต่างชาติยังคงดำเนินต่อไป เช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชียเกิดใหม่ อีกทั้งกลุ่มน้ำมันที่เผชิญกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับฐานลงแรง ย่อมกดดันในภาพรวมของการลงทุน อย่างไรก็ตาม แรงขายจากกลุ่มน้ำมัน ย่อมมีกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มวัสดุก่อสร้าง/กลุ่มท่องเที่ยว ช่วยลดแรงกดดันได้ในระดับหนึ่ง ประเด็นการปรับครม. โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ ที่อาจเสนอชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ในสัปดาห์หน้า เรียกความเชื่อมั่นได้ในระดับหนึ่ง

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ “นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง พิจารณาเข้าซื้อเก็งกำไรแบบจำกัดวงเงินบริเวณ 1,400 จุด +/- เน้นหุ้นที่งบไตรมาส 2/58 เติบโตเด่น และมีแนวโน้มเป็นบวกต่อในช่วงที่เหลือของปีนี้”

Top Pick in Q3/15: BCP/BMCL/IFEC/WHA

Accumulative Buy: INTUCH

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (13 ส.ค.) การอ่อนค่าของค่าเงินหยวนประมาณ 3% ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา กดดันตลาดหุ้นโลก และส่งผล Downside Risk ระยะสั้นของ SET เปิดกว้างขึ้นที่ 1,400 หรือ 1,375 จุด

กลุ่มหุ้นที่มีรายได้อิงกับนักท่องเที่ยวจีน จะ Underperform: กลุ่มหุ้นที่มีรายได้อิงกับนักท่องเที่ยวจีน อย่าง AOT, BEAUTY, AAV และกลุ่มโรงแรมอย่าง CENTEL MINT ERW มีแนวโน้ม อ่อนแอกว่าตลาดระยะสั้น ซึ่งในทางกลยุทธ์ แนะนำ “Wait & See” ไปก่อน

“หุ้นปันผลสูง และกำไรไตรมาส 2/15 ดีกว่าคาดมีแนวโน้ม Outperform: “Wait & See” จนกว่า SET จะสามารถกลับไปยืนได้เหนือ 1,420 จุด ถึงจะเป็นจุดเข้าซื้ออีกครั้ง ขณะที่กลุ่มหุ้นปันผลสูง และผลการดำเนินงานไตรมาส 2/15 ออกมาดี มีแนวโน้ม Outperform อย่าง ADVANC (Yld 5.5%) INTUCH (Yld 5.8%) TRUEIF (Yld 7.2%) และ BLA

 

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (13 ส.ค.) ว่า ผลกระทบจากการลดค่าเงินหยวน ยังกดดันตลาดหุ้นเอเซีย รวมถึงไทย ยังแนะนำหุ้นรายตัวที่ยังสามารถทำกำไรได้ดีกว่าตลาด (SCC, THCOM, BTS, EASTW) วันนี้ยังเลือก WORK(FV@B45)เป็น Top pick เป็น 1 ในไม่กี่รายที่อยู่รอดภายใต้เศรษฐกิจชะลอตัว จาก rating สูง และสามารถขึ้นค่าโฆษณาได้ เพราะมีฐานเดิมที่ต่ำ และ SCC(FV@B580) ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (13 ส.ค.) คาดการณ์มุมมองทางเทคนิค SET เมื่อวันก่อนปรับลงโดยไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,426 จุดและเกิดแนวต้านใหม่ล่าสุดที่ 1,418 จุด ขณะที่ MACD ลบมาขึ้นที่ -13.12 ใต้ signal line ใหม่ครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค.2558 (ในรอบ 7 วันที่ผ่านมา) ทำให้ภาพตลาดหลักจะยังไม่สามารถแสดงภาพแนวโน้มขึ้นที่ชัดเจนได้ และมีแนวโน้มจะลงต่อเนื่องได้จาก MACD แสดงค่าลบ และ SET ยังเคลื่อนไหวใต้ MA10 และ MA25 โดยรูปของ candlestick เมื่อวันก่อนแสดงรูปการอ่อนลงในวันข้างหน้าของ SET เข้าสู่ 1,400 จุด

แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 1,400-1,418

หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไร CPALL และ WORK

Back to top button