SET ยังผันผวน กลุ่มน้ำมัน UNDERPERFORMคัด 15 บจ. เลือกเล่นหุ้นไม่กระทบค่าเงินหยวน

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.14 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.22 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง เนื่องจากการประกาศลดค่าเงินหยวนของจีนยังคงทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน นอกจากนั้นนักลงทุนยังวิตกว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยในเดือนหน้า

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยยังคงผันผวน หุ้นกลุ่มน้ำมันยังเป็นปัจจัยถ่วงดัชนี หลังเมื่อคืนนี้ราคาน้ำมัน WTI ทำจุดต่ำสุดใหม่ อีกทั้งตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ สำหรับการปรับลดค่าเงินหยวนมองว่าเป็นโอกาส “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากหยวนอ่อนค่า

หุ้นเด่นเลือก MAKRO-CPALL-IFEC-GUNKUL-TPCH-SCC-THCOM-BTS-EASTW-WORK-INTUCH-ADVANC-CK-STEC และ SEAFCO

 

นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ธนชาต เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะรีบาวน์ขึ้นไปได้ แต่ถ้าให้ดีจะต้องยืนให้เหนือแนว 1,416 จุด เนื่องจากทางจีนได้ออกมาบอกแล้วว่าจะคงค่าเงินไว้ โดยจะไม่ให้มีการอ่อนค่าลงไปกว่านี้อีก ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลได้บ้าง ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้แกว่งทั้งในแดนบวก-ลบในกรอบแคบ

ทั้งนี้ มองว่าตลาดหุ้นไทยคงจะเทรดด้วยประเด็นอื่นในวันนี้ อย่างเรื่องการรอดูการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/58 ของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งนักลงทุนก็อาจจะเข้ามาเทรดตามงบก็ได้พร้อมให้แนวรับ 1,380 จุด ส่วนแนวต้าน 1,416 จุด

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (14 ส.ค.) ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้แกว่งตัว ภาพรวมดีขึ้นแต่หุ้นน้ำมันยังถ่วงดัชนี โดยคาด SET วันศุกร์ไซด์เวย์ (วานนี้ระหว่างวันหนักกว่าคาด แต่สุดท้ายปิดเหนือ 1,400 จุดได้) คาดจิตวิทยาหุ้นโลกดีขึ้น หลังทางการจีนประกาศว่าการปรับสมดุลค่าเงินหยวนได้เสร็จสิ้นแล้ว (คาดเป็นสัญญานว่าจะไม่ลดค่าเงินอีก หลัดลดมา 3 วันติดต่อกัน)

นอกจากนี้ตัวเลขค้าปลีกเดือนก.ค.ของสหรัฐ ที่สูงกว่าคาด ผนวกกับการปรับเพิ่มตัวเลขเก่าในเดือนก่อนหน้า เป็นจิตวิทยาเชิงบวก อย่างไรก็ตาม SET จะถูกกดดันโดยหุ้นพลังงานที่ซึ่งน่าจะยังด้อยกว่าตลาดต่อไป หลังราคาน้ำมัน WTI ทำจุดต่ำสุดใหม่รอบ 6 ปี เมื่อคืนนี้ นอกจากนี้นักลงทุนบางส่วนจะรอดู GDP ไตรมาส 2/58 จอวไน (รายงานวันที่ 17 ส.ค.) โดยนักเศรษฐศาสตร์ KGI คาด GDP +2.5% จากปีก่อน และลบเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐานรับเสี่ยงได้เก็งกำไร MAKRO-CPALL /พลังงานทดแทน (IFEC-GUNKUL-TPCH)

 

บล.เอเซียพลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ระบุในบทวิเคราะห์ (14 ส.ค.) กลยุทธ์การลงทุนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยยังคงชะลอตัว จากปัญหาเศรษฐกิจเงินบาทที่อ่อนค่าในทิศทางเดียวกับภูมิภาค ยังแนะนําหุ้นรายตัว ที่สามารถทํากําไรได้ดีกว่าตลาด (SCC-THCOM-BTS-EASTW) วันนี้ยังเลือก WORK(FV@B45) เป็น Top pick กําไรไตรมาส 2 ปี 58 ดีกว่าคาด และมีแนวโน้มจะปรับเพิ่มประมาณการกําไรปี 58-59 ขึ้นจากเดิม

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (14 ส.ค.)แม้ค่าเงินหยวนทรงตัวเช้านี้ที่ 6.38 หยวน/US$ แต่คาด SET ยัง “ผันผวน” จนกว่าจะยืนได้เหนือ 1,416 จุดทั้งนี้ Sentiment ตลาดที่ถูกกดดันจากการปรับลดค่าเงินหยวนเป็นโอกาส “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากหยวนอ่อนค่า และมีประเด็นลงทุน อย่างกลุ่มสื่อสารที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง และได้ประโยชน์จากประมูล 4G กลุ่มรับเหมาฯ คาดเปิดประมูลรถไฟรางคู่ คลอง19-แก่งคอย จิระ-ขอนแก่น ภายใน ส.ค.-ก.ย.นี้ อย่าง INTUCH-ADVANC-CK-STEC-SEAFCO

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 58 ของ SAPPE (ต้าน 30) TUF (ต้าน 19.5) BEAUTY (4.46/4.56) และ WORK (ต้าน 41/44) ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้

 

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (14 ส.ค.) ว่าหลังดัชนีปรับตัวลงไปต่ำกว่า 1,400 จุด แล้วขึ้นมาปิดเหนือ 1,400 จุดได้ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี โดยมีปัจจัยหนุน คือ การปรับ ครม. แผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ และการคลายความกังวลเกี่ยวกับค่าเงินของจีน ดังนั้นในสัปดาห์หน้าทิศทางตลาดหุ้นไทย น่าจะเริ่มขยับตัวขึ้นรับข่าว

ส่วนทิศทางดัชนี SET ในวันนี้คาดจะดีขึ้น ตามดัชนีในต่างประเทศ โดยเปิดขึ้นมาดัชนี SET น่าจะเปิดในแดนบวกและขยับขึ้นไปอย่างช้าๆ จากแรงซื้อคืนหุ้นในกลุ่ม ธนาคาร รับเหมา พลังงานใหญ่ และขนส่ง โดยวันนี้มองแนวรับที่ 1,400-1,396 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,412-1,416 จุด