เปิด 8 หุ้นโดนสะเก็ดระเบิด!
เปิดรายชื่อ 8 หุ้นดิ่งหนักสุดหลังโดนผลกระทบจากเหตุการณ์ระเบิดที่ราชประสงค์อย่างจัง ด้านโบรกเกอร์มองเป็นแค่ผลกระทบระยะสั้น พร้อมกับเตือนสติแมงเม่า หากคิดจะลงทุนในหุ้นกลุ่มเสี่ยง ไม่ควรขายหุ้นแบบตื่นตระหนก (Panic) แต่ควรลงทุนโดยพิจารณาในเชิงปัจจัยพื้นฐานมากกว่า
เปิดรายชื่อ 8 หุ้นดิ่งหนักสุดหลังโดนผลกระทบจากเหตุการณ์ระเบิดที่ราชประสงค์อย่างจัง ด้านโบรกเกอร์มองเป็นแค่ผลกระทบระยะสั้น พร้อมกับเตือนสติแมงเม่า หากคิดจะลงทุนในหุ้นกลุ่มเสี่ยง ไม่ควรขายหุ้นแบบตื่นตระหนก (Panic) แต่ควรลงทุนโดยพิจารณาในเชิงปัจจัยพื้นฐานมากกว่า
“ข่าวหุ้นออนไลน์” ได้ทำการสรุปราคาหุ้นปิดตลาดช่วงเช้า (18 ส.ค.) ที่มีการปรับตัวลงแรงเนื่องจากได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ระเบิดแยกราชประสงค์เมื่อช่วงเย็นของวานนี้(17 ส.ค.) โดยมีหุ้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรงและทางอ้อมมีดังต่อไปนี้
กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม
ราคาหุ้นบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ปิดตลาดภาคเช้า ราคาอยู่ที่ 23.50 บาท ลบ 2 บาท หรือ 7.84% สูงสุดที่ 24บาท ต่ำสุดที่ 22.60 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 1.44 พันล้านบาท
ราคาหุ้นบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ราคาอยู่ที่ 33.75 บาท ลบ 4 บาท หรือ 10.60% สูงสุดที่ 35.50 บาท ต่ำสุดที่ 32.75 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 534.61 ล้านบาท
ราคาหุ้นบริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW ราคาอยู่ที่ 3.76 บาท ลบ 0.38 บาท หรือ 9.18% สูงสุดที่ 3.82 บาท ต่ำสุดที่ 3.60 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 135.57 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มดังกล่าว เนื่องจากนักท่องเที่ยวเกิดความวิตก และอาจส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง
กลุ่มสายการบิน
ราคาหุ้น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ราคาปิดตลาดเช้าอยู่ที่ 268.00 บาท ลบ 19.00 หรือ 6.62% มูลค่าการซื้อขาย 7.35 พันล้านบาท
ราคาหุ้น บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK ราคาปิดตลาดภาคเช้าอยู่ที่ 7.55 บาท ลบ 0.55 หรือ 6.79% มูลค่าการซื้อขาย 34.28 พันล้านบาท
ราคาหุ้น บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ราคาปิดตลาดภาคเช้าอยู่ที่ 4.24 บาท ลบ 0.34 บาท หรือ 7.42% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 471.75 ล้านบาท
ราคาหุ้น บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ราคาปิดตลาดภาคเช้าอยู่ที่ 20.20 บาท ลบ 1.10 หรือ 5.16% มูลค่าการซื้อขาย 136.88 ล้านบาท
ส่วนหุ้นที่ได้รับผลกระทบทางอ้อมได้แก่
ราคาหุ้น บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA ราคาปิดตลาดภาคเช้าอยู่ที่ 8.25 บาท ลบ 0.90 บาท หรือ 9.84% มูลค่าการซื้อขาย 84.84 ล้านบาท
ทางด้านฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์(18 ส.ค.)ว่า ด้านสำนักข่าวต่างประเทศ เอพี เอเอฟพี รอยเตอร์ส แชนแนลนิวส์เอเชีย บีบีซี ซีเอ็นเอ็น รวมถึงอัลจาซีราห์ต่างเกาะติดสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดและเผยแพร่ข่าวไปทั่วโลกนับตั้งแต่เกิดเหตุเพียงไม่นาน โดยรายงานข่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกันเกี่ยวกับรายละเอียดของเหตุการณ์แม้จะยังสับสนอยู่บ้างในส่วนของตัวเลขผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตประเภทของระเบิดที่ใช้ รวมถึงรูปแบบของการก่อเหตุ
ขณะที่หลายประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, แคนาดา ได้ส่งข้อความฉุกเฉินและประกาศเตือนพลเมืองของตัวเองภายหลังจากเกิดเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ โดยทั้งหมดเน้นย้ำขอให้พลเมืองตัวเองติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปพื้นที่ที่เกิดเหตุและเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ในไทยโดยแนะนำให้ไปลงทะเบียนแสดงตนกับทางสถานเอกอัครราชทูตฯด้วย
นอกจากนี้ยังประเมินผลกระทบเป็นไปในทางลบ กับหลักทรัพย์กลุ่มเดินทาง-ท่องเที่ยว ได้แก่ 1) บริหารสนามบินคือ AOT 2) สายการบิน ได้แก่ AAV, BA, NOK และ THAI และ 3) โรงแรม เช่น CENTEL, MINT และ ERW อย่างไรก็ตามเนื่องจากมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ล้มตายและบาดเจ็บมากที่สุดคือ ชาวจีน จึงคาดว่าสายการบินที่เน้นนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นสัดส่วนมากที่สุดคือ 27% ของความสามารถในการให้บริการทั้งหมดคือ AAV และโรงแรมที่พึ่งพิงในประเทศไทยมากที่สุดเกือบ 100% คือ ERW ดังนั้นทางปัจจัยพื้นฐานจึงจะได้รับผลลบมากที่สุด ส่วน CENTEL และ MINT พึ่งพิงโรงแรมในไทยเป็น 80% และ 40-50% ตามลำดับ แม้ปัจจัยทางจิตวิทยาโดยรวมจะกระทบทางลบกระจายไปทุกหลักทรัพย์ในธุรกิจนี้
อย่างไรก็ตามปัจจัยลบนี้ อาจส่งผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น หากการวางระเบิดในเขตกรุงเทพฯไม่ลุกลาม บานปลาย เพราะในปีนี้แม้ว่าอุตสาหกรรมเดินทางท่องเที่ยวนั้นฟื้นตัวดี หลังจากปัจจัยการเมืองคลี่คลาย แต่การถูกท้าทายด้วยข่าวลบมาหลายครั้ง ดังนั้นการลงทุนในหลักทรัพย์กลุ่มนี้ จึงไม่ควรขายหลักทรัพย์ในลักษณะตื่นตระหนก (Panic) แต่ลงทุนโดยพิจารณาในเชิงปัจจัยพื้นฐานมากกว่า
อนึ่ง ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน