รวมสถิติ 14 เหตุการณ์ร้ายแรง! สุดท้ายตลาดหุ้นไทยก็เอาอยู่
ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทั้งในและต่างประเทศที่สำคัญรวม 14 เหตุการณ์ เป็นเหตุการณ์ทางการเมืองมากที่สุด รองลงมาคือเหตุการณ์เศรษฐกิจและภัยธรรมชาติตามลำดับสุดท้ายดัชนีก็วิ่งกลับขึ้นมาหาจุดเดิมก่อนที่จะลงหนักได้อยู่ดี
ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทั้งในและต่างประเทศที่สำคัญรวม 14 เหตุการณ์ เป็นเหตุการณ์ทางการเมืองมากที่สุด รองลงมาคือเหตุการณ์เศรษฐกิจและภัยธรรมชาติตามลำดับสุดท้ายดัชนีก็วิ่งกลับขึ้นมาหาจุดเดิมก่อนที่จะลงหนักได้อยู่ดี
โดยเหตุการณ์เศรษฐกิจนั้นจะมีผลกระทบต่อ SET และการขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติมากที่สุด รวมถึงระยะเวลาที่ SET จะกลับมาที่จุดเดิมจะใช้เวลามากที่สุดด้วย
ทั้งนี้ “ข่าวหุ้นออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลตั้งแต่ปี 2549-2556 รวมระยะเวลา 8 ปีที่เกิดเหตุการณ์สำคัญที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย รวมทั้งสิ้น 14 เหตุการณ์สำคัญดังนี้
ปี 2549 มี 2 เหตุการณ์สำคัญคือการปฏิวัติ (19 ก.ย.) และการเกิดมาตรการกันสำรอง 30% (19 ธ.ค.)
ปี 2551 มี 2 เหตุการณ์สำคัญคือ การปิดล้อมสนามบิน (24 พ.ย.) และข่าวเลห์แมนบราเธอร์สประกาศภาวะล้มละลาย (เริ่มวิกฤต sub-prime)(15 พ.ย.)
ปี 2552 เกิดเหตุการณ์รัฐบาลดูไบขอเลื่อนชำระหนี้ของบริษัทดูไบ เวิลด์ (27 พ.ย.)
ปี 2553 เกิดเหตุการณ์การชุมนุมนปช.(8 เม.ย.)
ปี 2554 มี 3 เหตุการณ์สำคัญคือเหตุการณ์ความไม่สงบอียิปต์(10 ก.พ.) อีกทั้งการที่ S&P ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือสหรัฐ จาก AAA เป็น AA+ และการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะในกรีซไม่คืบหน้า (ส.ค.-ก.ย.) ขณะที่อีกเหตุการณ์สำคัญคือ สึนามิในประเทศญี่ปุ่น (11 มี.ค.)รวมถึงน้ำท่วมใหญ่ในประเทศไทย (เริ่มกลาง ก.ย.)
ปี 2555 มีเหตุการณ์ผลเลือกตั้งของกรีซซึ่งพรรค Syriza ได้รับเลือกอาจกระทบต่อแผนแก้ปัญหาเศรษฐกิจยุโรปและการเป็นสมาชิกกลุ่ม EU (8 พ.ค.)
ปี 2556 มีเหตุการณ์สงครามซีเรีย (28 ส.ค.) และการชุมนุมต่อต้านพรบ.นิรโทษกรรมและขับไล่รัฐบาล (1 พ.ย.) ส่วนเหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจคือความกังวลว่าเฟดจะลด QE (23 พ.ค.)
ขณะที่เหตุการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อ SET และมูลค่าซื้อขายสุทธิสะสมของนักลงทุนต่างชาติดังนี้
อย่างไรก็ดี จากเหตุการณ์ทั้งหมด พบว่า เหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อดัชนีมากที่สุดคือ ข่าวเลห์แมนบราเธอร์สประกาศภาวะล้มละลาย (เริ่มวิกฤต sub-prime)(15 พ.ย.) ที่ฉุดดัชนีร่วงลงถึง 41.29% และใช้เวลาในการฟื้นตัวกลับมาจุดเดิมก่อนร่วงถึง 221 วัน