พื้นฐานหุ้นไทยยังเหนียวแน่นปึ้ก

สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ถือเป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ที่มีเรื่องราวทั้งดีและไม่ดีเกิดขึ้นอย่างมากมาย โดยเริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม ได้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ขึ้นบริเวณศาลพระพรหมเอราวัณ แยกราชประสงค์


–ตามกระแสโลก–

 

สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ถือเป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ที่มีเรื่องราวทั้งดีและไม่ดีเกิดขึ้นอย่างมากมาย โดยเริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม ได้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ขึ้นบริเวณศาลพระพรหมเอราวัณ แยกราชประสงค์

ถัดมาวันรุ่งขึ้น ก็มีระเบิดลงอีกลูก บริเวณท่าเรือสาธร แต่ครั้งนี้โชคดีหน่อยที่ลูกระเบิดพลาดเป้า เด้งลงน้ำไปซะก่อน มิเช่นนั้นต้องเกิดการสูญเสียชีวิตและเลือดเนื้อของประชาชนผู้บริสุทธิ์อีกจำนวนไม่น้อยอย่างแน่นอน

ส่วนเรื่องของแวดวงการเมืองและเศรษฐกิจ ทาง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ทำการยกเครื่องคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ โดยมีไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ตำแหน่งรองนายกฯเศรษฐกิจ รมว.คลัง และที่พลาดไม่ได้อีกหนึ่งตำแหน่งคือ รมว.พลังงาน

สำหรับประเด็นในต่างประเทศ ก็มีหลากหลายเรื่องราวเช่นกัน โดยเรื่องที่ถูกจับตามองมากที่สุด ณ นาทีนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องรัฐบาลเปียงยาง ภายใต้การกุมบังเหียนของ “เจ้าคิมน้อย” ที่ได้ประกาศสงครามกับเกาหลีใต้ ไปเมื่อบ่ายวันศุกร์

โดยการเข้าสู่สภาวะสงครามของเกาหลีเหนือในครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากการที่เกาหลีใต้กลับมาใช้เครื่องกระจายเสียงในการทำสงครามประสาท พูดโฆษณาถึงชีวิตความเป็นอยู่อันสุขสบายในเกาหลีใต้ให้เหล่าทหารและประชาชนฟากเหนือฟัง ประกอบกับ เกาหลีใต้ และ สหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าซ้อมรบร่วมกันต่อเนื่อง และไม่มีทีท่าว่าจะแยแสต่อเสียงคัดค้านแต่อย่างใด

อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ประเด็นเรื่องธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ “เฟด” อาจต้องพิจารณาเลื่อนการปรับขึ้นดอกเบี้ยออกไปอีกซักระยะ ซึ่งเป็นผลจากการประเมินว่า สภาวะเศรษฐกิจของตัวเองยังอาจไม่ดีพร้อมจริง อีกทั้งการที่จีนประกาศปรับลดค่าเงินของตัวเองลง ยังอาจหมายถึงจีนก็กำลังประสบกับภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ เช่นเดียวกันกับอีกหลายประเทศ

ไฮไลท์เรื่องสุดท้ายสำหรับสัปดาห์นี้คือ กรณีราคาน้ำมันร่วงหล่นลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปีกว่า โดยในวันศุกร์ น้ำมันดิบ “เวสเท็กซัสฯ” หรือ WTI ลงมาทำจุดต่ำสุดที่ 40.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วน “เบรนท์” หรือ BRENT ลงมาต่ำสุดที่ระดับ 46.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งนี่ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บอกว่า ราคาน้ำมันมีโอกาสจะร่วงหลุดระดับ 40 ดอลลาร์ได้ไม่ยาก

ก่อนหน้านี้ก็เคยเขียนไว้หลายรอบแล้วว่า น้ำมันคงจะยังอยู่ในช่วงของขาลงไปอีกนาน ถึงนานมากทีเดียว โดยสาเหตุหลักก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอุปทานที่กำลังล้นโลกอยู่ ณ ขณะนี้ หรือสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกโดยรวมที่ถือว่าย่ำแย่ ส่งผลให้อัตราการเติบโตของอุปสงค์น้ำมันไม่สามารถขยายตัวขึ้นตามสัดส่วนของน้ำมันในตลาดที่นับวันยิ่งมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆได้

พี่ใหญ่ในกลุ่มโอเปคอย่าง ซาอุดิอาระเบีย ยังคงเป็นตัวการสำคัญสำหรับการปั๊มน้ำมันออกมาเกินโควตาการผลิต โดยมีจุดประสงค์เพื่อต้องการรักษาส่วนแบ่งตลาดของตัวเอง ถึงแม้จะต้องฝืนใจกลืนเลือดตัวเองลงคอมากซักเท่าใด

ขณะเดียวกัน พี่น้องสมาชิกโอเปครายอื่นๆอีกหลายราย กำลังดิ้นกระแด่วๆ เพื่อหาทางเอาชีวิตให้รอดผ่านพ้นวิกฤตราคาน้ำมันไปให้ได้ โดยเฉพาะตอนนี้ ที่อุปทานน้ำมันจากอิหร่านบางส่วน ได้เริ่มทยอยไหลเข้าสู่ตลาดน้ำมันโลกแล้ว

เห็นมีกูรูบางท่านคาดการณ์ไว้เหมือนกันนะว่า ราคาน้ำมันจะดีดตัวกลับอย่างแรงในอีกไม่ช้า และไม่น่าจะเกินช่วงสิ้นปีนี้ โดยได้ชูประเด็นเรื่องการประกาศสงครามบนคาบสมุทรเกาหลีขึ้นมาเป็นปัจจัยสนับสนุนหลัก แต่ดูแล้วก็คงไม่ง่ายนักหรอก เพราะการประกาศสงครามกันในครั้งนี้ อาจเกิดขึ้นเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบหรืออารมณ์คะนองของ “คิม จอง อึน” เท่านั้นเอง

เรื่องราวทั้งหมดนี้ ล้วนแล้วแต่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยอย่างมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหุ้นที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็หนีไม่พ้นหุ้นในกลุ่มพลังงานทั้งหลายแหล่ เพราะงานนี้เรียกได้ว่า โดนผลกระทบทั้งทางอ้อมทางตรงชนิดที่หลีกเหลี่ยงไม่ได้

นอกจากนี้ หุ้นบลูชิพบางตัวนอกกลุ่มพลังงาน ก็ไม่วายโดนผลกระทบกับเขาไปด้วย สาเหตุเพราะมีผู้ถือหุ้นเป็นนักลงทุนต่างชาติเยอะ แต่ก็ยังถือเป็นเรื่องธรรมดาที่นักลงทุนพวกนี้ส่วนใหญ่ มักจะอ่อนไหวต่อเหตุการณ์ความไม่สงบได้ง่าย

อย่างไรก็ดี หากดูในภาพรวมก็ถือว่า พื้นฐานตลาดหุ้นไทยยังคงแข็งแกร่งไม่ใช่น้อย เพราะหากดูจากเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นมานั้น บอกได้คำเดียว “ไม่เจ๋งจริง ยืนระยะไม่ได้ขนาดนี้”

ถ้านับตั้งแต่เริ่มต้นสัปดาห์หฤโหดมา ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงเพียง 3.06% เท่านั้น จากวันจันทร์ปิดที่ 1,408.74 จุด มาถึงวันศุกร์ ปิดที่ 1,365.61 จุด แต่ก็ถือว่า โชคยังดีอยู่เหมือนกัน ที่ในที่สุดนายกฯก็กล้าปรับคณะรัฐมนตรีกับเขาซะที เพราะถ้าท่านยังคงอ้ำๆอึ้งๆเหมือนที่แล้วมา เราคงเห็นดัชนีหลุดไหลไปไกลกว่านี้อีกมาก

โอกาสในวิกฤตเกิดขึ้นได้เสมอ สัปดาห์หน้าต้องติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดอย่าให้คลาดสายตา เพราะหุ้นหลายตัวอาจลงมาถึงแนวรับปราการด่านสุดท้ายแล้วก็เป็นได้         

Back to top button