โบรกแนะเก็งกำไร 8 หุ้นสุดแข็งแกร่งSET บ่ายแกว่งไซด์เวย์ ไร้ปัจจัยหนุน
SET เช้าดีดตัวขึ้น แต่หลังจากไม่ผ่าน 1,320 จุดทำให้มีแรงขายออกมาส่งผลให้ดัชนีย่อตัวลง อีกทั้งตลาดฯยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุนช่วงนี้ และต้องพึ่งปัจจัยจากต่างประเทศเป็นหลัก ส่วนตลาดเพื่อนบ้านส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก บ่ายคาดดัชนีฯมีโอกาสทั้งปรับขึ้นและลง โดยมีแนวรับ 1,280 จุด ส่วนแนวต้าน 1,320-1,340 จุด
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (25 ส.ค.) ปรับตัวขึ้นได้ แต่หลังจากไม่ผ่านแนว 1,320 จุด ทำให้มีแรงขายออกมา ขณะที่ เวลานี้ต้องพึ่งปัจจัยจากต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะจีนจะมีมาตรการในเชิงเศรษฐกิจที่สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้หรือไม่ ส่วนทางญี่ปุ่นกำลังหาวิธีที่จะทำให้ตลาดหุ้นฟื้นตัวขึ้น
นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสทั้งปรับขึ้นและลงได้ โดยมีแนวรับ 1,280 จุด ส่วนแนวต้าน 1,320-1,340 จุด ทั้งนี้ หากดัชนียังปรับลงต่อไปที่แนวรับ 1,260 จุด เป็นจังหวะ “เก็งกำไร” หุ้น CK-STEC-SEAFCO-ADVANC-INTUCH-GLOBAL-HMPRO และ CPALL
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังไม่ฟื้นตัว แม้ช่วงแรกจะดีดตัวขึ้นได้บ้าง แต่เมื่อไม่ผ่านแนว 1,320 จุดทำให้มีแรงขายออกมา ขณะที่ตลาดบ้านเรายังอ่อนแอกว่าตลาดหุ้นภูมิภาคที่ต่างอยู่ในแดนบวก ซึ่งมองว่ายังขาดปัจจัยบวกเข้ามาผลักดัน
อย่างไรก็ตาม หุ้นที่ปรับตัวลงไปมากก็ยังมีนักลงทุนมองหาโอกาสเข้าซื้อ แต่ยังเป็นการซื้ออย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะหุ้นที่มีพื้นฐานดี ขณะที่ตลาดยังมีความกังวลอยู่ ทำให้ดัชนีเทรดต่ำกว่าระดับ 1,300 จุด และปัจจัยในประเทศแม้ว่าทาง ครม.เศรษฐกิจจะเน้นดูแลรากฐานให้ดีขึ้นก่อน แต่ก็ไม่ใช่นโยบายใหม่ ส่วนโครงสร้างพื้นฐานยังต้องใช้เวลา
ขณะที่ เวลานี้ต้องพึ่งปัจจัยจากต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะต้องติดตามว่าทางการจีนที่จะมีมาตรการในเชิงเศรษฐกิจที่สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้หรือไม่ หากมีคงช่วยภาพรวมให้ตลาดหุ้นฟื้นได้ ส่วนทางญี่ปุ่นกำลังหาวิธีที่จะฟื้นตลาดหุ้นอยู่
แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดดัชนีมีโอกาสทั้งปรับขึ้นและลงได้ โดยให้จับตาไปที่ปัจจัยต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมาตรการฟื้นตลาดหุ้น, เรื่องการดูแลค่าเงินหยวน เป็นต้น ซึ่งคาดหวังมาตรการที่จะเป็นบวก พร้อมให้แนวรับ 1,280 จุด ส่วนแนวต้าน 1,320-1,340 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (25 ส.ค.) SET มีจังหวะรีบาวด์เปิด Gap สูงขึ้นในช่วงเปิดตลาด แต่ยังติดแนวต้านบริเวณ 1,320 จุด กลับลงมาปิดไม่เปลี่ยนแปลงจากวานนี้ แม้ตลาดจะมี Technical Rebound ในระยะสั้น แต่ภาพรวมยังคงผันผวนอยู่ต่อไป ทั้งนี้ถ้าพิจารณาในเชิงเทคนิคจะยังแกว่งตัวต่อ จนกว่าการฟื้นตัวระยะสั้นก็ต่อเมื่อ SET สามารถยืนได้เหนือ 1,320 จุด ได้ แต่ก็ยังคงมองเป็นเพียงการรีบาวด์เท่านั้น
ทั้งนี้ แม้เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ สามารถบรรลุข้อตกลงยกเลิกภาวะกึ่งสงครามได้แล้วอาจเป็นตัวช่วยให้เกิด Technical Rebound ระหว่างวัน แต่ภาพหลักยัง“ผันผวน”ต่อ เนื่องจาก 1) กังวลเศรษฐกิจจีนชะลอตัว 2) สงครามค่าเงินหลัง PBoC ลดค่าเงินหยวน 3) ราคาน้ำมันทำ New Low ตั้งแต่ มี.ค.2009 กดดันกลุ่มพลังงาน และ 4) เศรษฐกิจไทยกระทบจากเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมของ SET จะผันผวนตามตลาดหุ้นโลก แต่การปรับลดลงต่อไปที่แนวรับ 1,260 จุด วันนี้จะเป็นจังหวะ “เก็งกำไร” หุ้นกลุ่มดังนี้
1. รับเหมาฯ: CK-STEC (แนวรับ 23.4/23.0) SEAFCO
2. ปันผลสูง: ADVANC-INTUCH (แนวรับ 75.00)
3. ค้าปลีก: GLOBAL-HMPRO (แนวรับ 6.00) CPALL (แนวรับ 46.50)
สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,644.91 ล้านบาท ปิดที่ 245.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท
IFEC มูลค่าการซื้อขาย 1,801.52 ล้านบาท ปิดที่ 9.50 บาท ลดลง 0.20 บาท
KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,561.03 ล้านบาท ปิดที่ 17.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,469.94 ล้านบาท ปิดที่ 9.20 บาท ลดลง 0.20 บาท
JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,342.66 ล้านบาท ปิดที่ 4.98 บาท ลดลง 0.12 บาท
ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์