14 บจ.เด็ด เกาะกระแส Domestic Playหุ้นพลังงานหนุน SET ขึ้นทดสอบ 1,400
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสขึ้นทดสอบ 1,390-1,400 จุด จากแรงหนุนของความเชื่อมั่นในโครงการกระตุ้นของภาครัฐ การลงทุนให้น้ำหนักกับกลุ่ม Domestic Play มากกว่าตลาด และเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีหลังราคาน้ำมันดิบพุ่งแรง
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.16 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.75 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสขึ้นทดสอบ 1,390-1,400 จุด จากแรงหนุนของความเชื่อมั่นในโครงการกระตุ้นของภาครัฐ การลงทุนให้น้ำหนักกับกลุ่ม Domestic Play มากกว่าตลาด และเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีหลังราคาน้ำมันดิบพุ่งแรง หุ้นเด่นเลือก BCP-BMCL-IFEC-WHA-KTB-PTT-PTTEP-TOP-PTTGC-IVL-BANPU-IRPC-PK และ WHA
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ก.ย.) ว่า มุมมองต่อตลาดหุ้นไทยวันนี้ ขยับขึ้นวันแรกในรอบ 10 วันทำการ สู่ “กลางถึงบวก” จากเดิม “กลาง” หลัง SET INDEX ยืนเหนือ 1,380 จุดได้อย่างแข็งแกร่ง บวกกับกระแสเงินทุนต่างชาติที่ชะลอการขายสุทธิตลาดหุ้นไทย SET50 Index กลับมายืนเหนือ 900 จุด ทำให้แรงกดดันต่อหุ้นหลักของตลาดหุ้นไทยคลายตัว ประเมิน SET INDEX มีโอกาสขึ้นทดสอบ 1,390-1,400 จุดได้ในวันนี้
และแม้ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอย่าง WTI-Brent จะฟื้นตัวตลอด 3 วันทำการที่ผ่านมา คืนวานนี้ปิดบวกไปอีกกว่า 8% และแนวโน้มมีเสถียรภาพมากขึ้น ย่อมทำให้หุ้นหลักในกลุ่มพลังงาน/ปิโตรเคมี สามารถทรงตัวได้ดีขึ้น เมื่อเทียบกับช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ฝ่ายวิจัยยังคงให้น้ำหนักกับกลุ่ม Domestic Play มากกว่าตลาด เพื่อเกาะกระแสไปกลับมาตรการเรียกความเชื่อมั่นจากภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ด้วยการนำเสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ 3 ส่วน ทั้งในแง่ของอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ผ่านกองทุนหมู่บ้านอัตราดอกเบี้ย 0% การเข้าช่วยเหลือกลุ่ม SMEs ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำให้ได้มากยิ่งขึ้น และการกลับมาให้ความสำคัญกับโครงการ OTOP และการเพิ่มประสิทธิภาพ/เพิ่มมูลค่าเพิ่มให้แก่กลุ่มสินค้าเกษตร ในรูปแบบของ Cluster
โดยเชื่อว่า หากเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ พร้อมกับความเชื่อมั่นที่ดีขึ้น ระบบเศรษฐกิจที่ชะงักงัน ก็จะสามารถกลับมาเดินหน้าได้ และทำให้ภาพรวมของวงจรเศรษฐกิจภายในประเทศขยับได้ ส่วนแผนระยะกลางต่อการเรียกความเชื่อมั่นจากภาคเอกชนที่สำคัญ คือ การเร่งผลักดันโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ได้รับการพิจารณาและอนุมัติจาก ครม. มาก่อนหน้านี้ ให้นำมาเป็นรูปธรรมของการเปิดประมูลโครงการ
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า ทีมเศรษฐกิจ นำโดย ดร.สมคิด จะเริ่มวางตารางเวลาเพื่อพบปะภาคเอกชน และนักลงทุนในต่างประเทศ หลัง ทีมเศรษฐกิจนำเสนอแผนต่างๆ และได้รับการอนุมัติจากครม. เพื่อเป็นการชี้แจงแนวทางการทำงานด้านเศรษฐกิจจากนี้ไป ทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจ เราเชื่อว่า ทีมเศรษฐกิจจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นจากต่างชาติได้
และแม้ว่าปัจจัยต่างประเทศจะยังมีความเปราะบาง ทั้งความไม่มั่นใจต่อภาพรวมเศรษฐกิจของจีนจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 7% หรือ ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ กับ โอกาสของการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะเกิดขึ้นในการประชุมเฟดวันที่ 18 ก.ย.นี้หรือจะเป็นช่วงที่เหลือของปีนี้ ก็ตาม แต่หากภาพรวมเศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดใน 2Q58 เราเชื่อว่า ปัจจัยต่างประเทศจะกระทบต่อภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างจำกัด
กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ “นักลงทุนที่เข้าเก็งกำไรหุ้น Domestic Play วานนี้ อาจพิจารณาขายทำกำไรบริเวณ 1,390-1,400 จุด เพียงบางส่วน เพื่อรอจังหวะของการเข้าเก็งกำไรเมื่อราคาหุ้นเป้าหมายเกิดการย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย”
Top Pick in Q3/15: BCP/BMCL/IFEC/WHA
Accumulative Buy: KTB
Speculative Buy: IRPC
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ก.ย.) ว่า ประเด็นวันนี้ติดตามที่ประชุม ครม. อนุมัติแผนกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินรวม 1.3 แสน ลบ. โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้มีรายได้น้อยและเป็นโครงการระยะสั้นเห็นผลได้ภายใน 3 เดือน โดยฝ่ายวิจัยมองบวกต่อมาตรการดังกล่าวเพราะเป็นเพิ่มกำลังซื้อให้กับเศรษฐกิจฐานรากโดยตรง กลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,400 +/- จุด ระยะสั้นแนะนำขายทำกำไรบางส่วน เนื่องจากดัชนีฟื้นตัวแรงรับข่าวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว และรอซื้อกลับมาดัชนีอ่อนตัว
บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ก.ย.) ว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจที่รวดเร็วและถูกจุด น่าจะทำให้กำลังซื้อของคนรายได้น้อยในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้าดีขึ้นแต่คงเป็นช่วงสั้นๆ เนื่องจากข้อจำกัดของเม็ดเงินที่น้อยและเป็นแค่นโยบายในช่วงสั้นๆ อย่างไรก็ตามหลังจากมีนโยบายกระตุ้นแรงซื้อของผู้มีรายได้น้อย รัฐบาลน่าจะมีนโยบายกระตุ้นหรือเร่งรัดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะกลางถึงยาวต่อไป นโยบายที่โดนใจและเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับคืนมาได้ ดูได้จากดัชนี SET หรือการพุ่งขึ้นของหุ้นในกลุ่มค้าปลีก วัสดุก่อสร้าง ไฟแนนซ์เล็ก ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์
วันนี้คาดดัชนี SETจะปรับตัวได้อีก แม้เมื่อวานนี้จะขึ้นได้แรง จากแรงหนุนของความเชื่อมั่นในโครงการกระตุ้นของภาครัฐ ส่วนวันนี้คาดแรงหนุนจะเป็นเรื่องน้ำมัน รวมทั้งการประชุม ครม.เศรษฐกิจว่าจะมีอะไรเพิ่มเติมเข้ามาอีก นอกนั้นจะเป็นเรื่องตลาดหุ้นในต่างประเทศที่กลับมายืนหลังดิ่งลงแรงจาการลดค่าเงินหยวนในวันที่ 11 ส.ค.
โดยวันนี้ดัชนี SET มีแนวต้านที่ 1395-1400 จุด ส่วนแนวรับที่ 1375-1370 จุด กลุ่มที่ยังน่าลงทุน คือพลังงาน รับเหมา ธนาคารพาณิชย์ นาโนไฟแนนซ์และค้าปลีก
Themes play: แนะนำซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีอย่าง PTT PTTEP TOP PTTGC IVL BANPU BCP และ IRPC หลังจากที่เมื่อวานนี้ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นแรง
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ก.ย.) คาดการณ์มุมมองทางเทคนิค SET เมื่อวันก่อนฟื้นยังปรับขึ้นเป็นสัญญาณ higher high ต่อเนื่อง เป็นการแสดงภาพของการเป็นแนวโน้มขึ้นระยะสั้น ขณะที่ MACD อยู่ที่ -18.70 ซึ่งลบลดลงเหนือ signal line แสดงให้เห็นว่าภาพตลาดจะยังไม่สามารถแสดงภาพแนวโน้มขึ้นแบบระยะไกลที่ชัดเจนได้ แต่ส่งผลดีต่อภาพระยะสั้น โดยรูปของ canndlestick สองวันล่าสุดแสดงรูปการเกิดจุดกลับตัวขึ้นต่อเนื่อง การแกว่งตัวขึ้นระยะสั้นจะสามารถขึ้นไปทดสอบ 1,395-1,400-1,420 จุด
แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 1,360-1,395
หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไรที่กรอบแนวรับ-แนวต้าน
หุ้นที่น่าสนใจ PK และ WHA