จัดทัพ 29 หุ้น Domestic Play น่าสอย!SET ปรับฐานกรอบ 1,350 – 1,365 จุด
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ยังปรับฐานแนว 1,360 – 1,365 จุด เพื่อสร้างฐานให้เกิดความแข็งแกร่ง ขณะที่ปัจจัยเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานการลงทุนในตลาดหุ้นไทยคือ มาตรการเรียกความเชื่อมั่นจากทีมเศรษฐกิจวานนี้ อย่างไรก็ดียังมีปัจจัยเสี่ยงคือความไม่แน่นอนเรื่องเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของจีน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.10 น. ค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่ 35.74 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากมีรายงานว่าภาคการผลิตของจีนและสหรัฐชะลอตัวลง
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ยังปรับฐานแนว 1,360 – 1,365 จุด เพื่อสร้างฐานให้เกิดความแข็งแกร่ง ขณะที่ปัจจัยเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานการลงทุนในตลาดหุ้นไทยคือ มาตรการเรียกความเชื่อมั่นจากทีมเศรษฐกิจวานนี้ อย่างไรก็ดียังมีปัจจัยเสี่ยงคือความไม่แน่นอนเรื่องเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของจีน
สำหรับหุ้นเด่นวันนี้เน้นหุ้นรับผลดีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้แก่ ROBINS, TSR, GLOBAL, ADVANC, INTUCH, JASIF, CK, ITD, QH, STEC, SEAFCO,KTB, CPALL, HMPRO, KTC, TK, WHA, TASCO, SCC, PTTGC, TOP, IRPC, AOT, CENTEL, GUNKUL, DEMCO, CTW, CSS และ ARROW
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (2 ก.ย.) การปรับลดลงแรง -2.84% ของ Dow Jones เมื่อคืนสะท้อน PMI ภาคการผลิตจีน ซึ่งตลาดหุ้น Asia ตอบรับไปก่อนหน้าแล้ว ทำให้ Downside Risk ของ SET จะไม่มากที่ 1,350-1,360 จุด และยังมองเป้าหมาย Rebound ที่ 1,380-1,400 จุด เหมือนเดิม ล่าสุดจีนเตรียมตั้งกองทุน CNY6 หมื่นล้านอุ้ม SME ขณะที่ ครม.เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.36 แสนล้านบาท
แม้ Sell on Fact กลุ่มค้าปลีก รับเหมาฯ หลัง ครม.เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังมองเป็นโอกาส “ซื้อ” กลุ่ม 1-3 ต่อไป
1. Infrastructure Plays: “ซื้อ” STEC CK SEAFCO และ KTB
2. Consumption Plays: “ซื้อ” CPALL HMPRO GLOBAL KTC
3. NAV Plays: “ซื้อ” QH ราคาต่ำกว่า NAV ที่ 2.50 บาท
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (2 ก.ย.) คงมุมมอง “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 2 แม้ว่า SET INDEX จะปรับฐานลงสู่แนว 1,360 – 1,365 จุด ตามที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ SET INDEX จะยังต้องสร้างฐานให้เกิดความแข็งแกร่งบริเวณ 1,350-1,360 จุด สักพัก ยังเชื่อว่า Downside risk ของ SET INDEX จะเป็นไปอย่างจำกัด แนวดังกล่าวจะยังทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มทรงตัวดีขึ้น ทำให้แรงกดดันต่อกลุ่มพลังงาน / ปิโตรเคมี คลายตัวลง เมื่อเทียบกับช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้า
ขณะที่ปัจจัยเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานการลงทุนในตลาดหุ้นไทยคือ มาตรการเรียกความเชื่อมั่นจากทีมเศรษฐกิจ วานนี้ ครม.ได้อนุมัติแผนอัดฉีดเงินเข้าสู่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ทั้งผ่านกองทุนหมู่บ้าน เงินอัดฉีดสู่ 1 ตำบล 5 ล้านบาท และการกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่ SMEs เพื่อคาดหวังให้การใช้จ่ายของกลุ่มเป้าหมายนี้ฟื้นตัวดีขึ้น และท้ายที่สุดระบบการหมุนเวียนของเศรษฐกิจจะได้กลับมาเดินหน้า
ส่วนการลงทุนขนาดใหญ่ของกระทรวงคมนาคม / กพช. เราเชื่อว่า หน่วยงานที่ได้รับการอนุมัติจากครม.แล้วจะเร่งขั้นตอนการประมูลโครงการต่างๆ ตามมาตั้งแต่เดือนนี้ โครงการรถไฟรางคู่ที่ประกาศร่าง TOR ไปก่อนหน้านี้ การเปิดกรอบการยื่นเสนอขายโครงการพลังงานโซล่าร์ของหน่วยราชการ และ สหกรณ์ 800 เมกกะวัตต์ หากเริ่มเห็นขั้นตอนต่างๆ เป็นรูปธรรม เชื่อว่าความเชื่อมั่นของภาคเอกชน และนักลงทุนจะฟื้นตัวเป็นลำดับ
แน่นอนว่า ยังให้น้ำหนักกับการลงทุนของต่างชาติผ่านตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้อย่างใกล้ชิด หลังมีจุดเปลี่ยนจากทีมเศรษฐกิจ / แนวทางการเรียกความเชื่อมั่น / ภาพรวมเศรษฐกิจน่าจะผ่านจุดต่ำสุด แต่ยังไม่ชัดในแง่ของการฟื้นตัว ทำให้แรงขายจากต่างชาติชะลอตัวต่อเนื่อง แต่น่าจะจุด turning point ของการกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้เช่นกัน ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญต่อภาพรวมการลงทุน
สำหรับปัจจัยต่างประเทศ ยังมีความเปราะบาง ทั้งในส่วนของทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ว่าจะขยับขึ้นในการประชุมวันที่ 17 ก.ย.นี้หรือไม่ และความเปราะบางของเศรษฐกิจจีน ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะทำให้ตลาดหุ้นไทยยังมีความผันผวน แต่จะเป็นไปอย่างจำกัด จากปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยเป็นตัวช่วยลดแรงกดดัน รวมถึงต่างชาติจะเป็นการ Wait&See ตลาดหุ้นไทย
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ “นักลงทุนกลับเข้าสะสมหุ้นเป้าหมายอีกครั้ง หลัง SET INDEX ปรับฐานลงสู่ 1,350-1,360 จุด โดยยังคงเน้นกลุ่ม Domestic Play เป็นสำคัญ”
Accumulative Buy: ADVANC/ ITD
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (2 ก.ย.) ตลาดหุ้นไทยมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นหลังจากดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมารับข่าวแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นของรัฐบาล และได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน กลยุทธ์การลงทุน วาง Filter ไว้ที่ 1,360 จุด หากยืนไม่ได้ให้ดัชนีมีโอกาสอ่อนตัวลงสู่ระดับ 1,340 – 1,350 แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัวในหุ้นที่ได้รับประโยชน์นโยบายรัฐ เช่น KTB , KTC , STEC, TK ,HMPRO
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (2 ก.ย.) แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ น่าจะผันผวนตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ ส่วนดาวโจนส์ที่ร่วงเมื่อคืนจะมีผลต่อตลาดหุ้นภูมิภาคไม่มากเพราะตลาดหุ้นเอเชียปรับลงรับข่าว PMI จีนไปแล้ว หุ้นในกลุ่ม Global Play จะถูกขายมากกว่ากลุ่ม Domestic Play
Trading วันนี้: TASCO (ได้ผลบวก 2 เด้ง จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจซ่อมสร้างถนน และราคาน้ำมันลง) และ GUNKUL DEMCO CTW CSS ARROW (เป็นหุ้นที่คาดว่าจะได้ผลบวกโครงการย้ายสายไฟฟ้าลงดินมูลค่า 1.43 ล้านบาท)
บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (2 ก.ย.) ทิศทางดัชนี SET จะค่อยๆดีดตัวขึ้นในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกของเดือนไปที่ระดับ 1400-1410 จุด แต่หากไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ๆและเกิดความผันผวนขึ้นมาอีกดัชนีอาจจะลงมาเล่นในระดับ 1350 จุด (หากผันผวนรุนแรงอีก ดัชนีลงไปที่ 1250 จุด)หากมีปัจจัยหนุนอย่างราคาน้ำมัน แรงซื้อ LTF/RMF หรือจากต่างประเทศ ดัชนีจะขึ้นสูงสุดไปที่ 1420-1430 จุด
กลยุทธ์การลงทุน คือ หากดัชนีขึ้นมาในกรอบ 1400-1410 จุดให้ทยอยขายออกไปบ้าง โดยมีปัจจัยเสี่ยงคือความไม่แน่นอนเรื่องเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของจีน หุ้นที่แนะนำเล่นเก็งกำไรในช่วงสั้นคือ รับเหมา (STEC/WHA/CK)วัสดุก่อสร้าง(TASCO/SCC) ค้าปลีก(CPALL/GLOBAL/HMPRO) สื่อสาร(ADVANC/INTUCH) พลังงาน(PTTGC/TOP/IRPC) ท่องเที่ยว(AOT/CENTEL) ส่วนหุ้นเด่นในเดือนนี้คือ DTAC PTTEP KTB และ AOT
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ (2 ก.ย.)ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ แนวโน้มลงสลับรีบาวด์ คาดดัชนีวันนี้เปิดลงแต่จะน่าจะมีช่วงฟื้นตัวในวัน หาจังหวะเก็งกำไร
หุ้นพลังงานและปิโตรฯ อาจถ่วง SET ในช่วงสั้น หลังความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอกลับสุ๋ตลาด อย่างไรก็ดี คาดดัชนีฟื้นได้ในวัน หลัง Dow Jones Future เช้านี้รีบาวด์ ผนวกแรงเก็งกำไรมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล 1.36 แสนล้านบาทที่ประกาศวานนี้ ด้านแรงขายต่างชาติ น่าจะชะลอตัวลง หลังแนวโน้มเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในก.ย.ลดลงเป็นลำดับ
หุ้นเด่น หาจังหวะสะสม กลุ่มบริโภคในประเทศ(ROBINS,TSR,GLOBAL)+สื่อสาร (ADVANC,INTUCH,JASIF)+รับเหมาฯ(CK,ITD)