ต่างชาติกลับมาซื้อรับมาตรการกระตุ้นศก.เก็บ 13 หุ้นอินเทรนด์ SET บ่ายไซด์เวย์

SET เช้านี้แกร่งกว่าตลาดเพื่อนบ้านที่เปิดเทรดอยู่ในแดนลบ แต่หลังตลาดจีนพลิกเป็นบวกทำให้ Sentiment ตลาดอื่นรีบาวด์ตาม ส่วนบ้านเราได้แรงหนุนจากการกระตุ้นศก. โบรกคาดช่วงบ่าย ดัชนีหุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์ โดยมีแนวต้าน 1,380 ส่วนแนวรับ 1,355 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (2 ก.ย.) กลับมาปิดบวกได้ หลังตลาดจีนพลิกยืนแดนบวกทำให้ Sentiment ตลาดอื่นรีบาวด์ตาม ส่วนตลาดบ้านเรามีปัจจัยบวกจากต่างชาติที่ปิดสถานะ Short ต่อเนื่อง รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศยังหนุน แต่ต้องติดตามตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐศุกร์นี้ (4 ก.ย.) ก่อนประชุมเฟดกลางเดือนก.ย.

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ดัชนีหุ้นไทยคงแกว่งไซด์เวย์ โดยมีแนวต้าน 1,380 ส่วนแนวรับ 1,355 จุด ขณะที่ แนะนำ “ซื้อ” STEC-CK-SEAFCO-CPALL-GLOBAL-HMPRO-KTC-ML-ASK-THANI-CPALL และ MAKRO

 

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ถือว่าแข็งแกร่งกว่าตลาดเพื่อนบ้านที่เปิดเทรดมาติดลบหนัก แต่เริ่มรีบาวด์ขึ้นได้จาก Sentiment ตลาดจีนที่เริ่มพลิกกลับมาเป็นบวก อย่างไรก็ตามตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีนที่ออกมาแย่ยังน่าจะกดดันสินค้าโภคภัณฑ์อยู่

ส่วนตลาดบ้านเรามีปัจจัยบวกจากที่นักลงทุนต่างชาติได้มีการปิดสถานะ short อย่างต่อเนื่อง จึงช่วยพยุงดัชนีไว้ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศเริ่มจ่ายเงินเข้าสู่ระบบแล้ว

ขณะที่ ต้องติดตามตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ก่อนที่จะมีการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ช่วงกลางเดือน ก.ย.หากออกมาไม่ดีกว่าที่คาดไว้เชื่อว่าเฟดน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน

แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์ พร้อมให้แนวต้าน 1,380 จุด ส่วนแนวรับ 1,355 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (2 ก.ย.) การปรับลดลงของตลาดหุ้น Dow Jones และการปรับลดลงของราคาน้ำมัน ยังกดดัน SET จำกัดในช่วงเปิดตลาดที่แนวรับ 1,350-1,360 จุด และเริ่มดีดตัวกลับ นำโดย Consumption Plays และ Infrastructure Plays ที่ได้รับผลดีจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาล โดยแนะนำ “ซื้อ” STEC-CK-SEAFCO-CPALL-GLOBAL-HMPRO และ KTC ขณะที่กลุ่ม Leasing มีจังหวะ”เก็งกำไร” ML-ASK-THANI-S11 ทั้งนี้คงเป้าหมายระยะสัปดาห์ 1,380-1,400 จุด เหมือนเดิม

ขณะที่ แนะนำ “ซื้อ” CPALL ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 58 บาท มองกำไรเติบโตสูง 31% ต่อปี ในช่วง 57-61 ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก

1) ผลการดำเนินงานหลักของ 7-Eleven และ MAKRO (ถือหุ้น 97.88%) กำลังเติบโตรวดเร็ว จากการเร่งขยายสาขา ขณะที่ล่าสุดยอดขายต่อสาขาเดิมกลับมาขยายตัวเล็กน้อยในช่วงครึ่งปีแรก และคาดว่าจะแข็งแกร่งขึ้นในครึ่งปีหลังปี 58 หลังประสบความสำเร็จในแคมเปญแสตมป์

2) ค่าใช้จ่ายในการซื้อ MAKRO ที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 56 จะหมดลงตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป โดยการ Re-Finance จะเสร็จสมบูรณ์ในไตรมาส 2/58

3) ต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายเริ่มลดลงทั้งจากการ Re-Finance เป็นดอกเบี้ยต้นทุนต่ำ และหนี้สินที่ลดลงจากการไถ่ถอนหุ้นกู้บางส่วน

และ 4) เมื่อพิจารณาในทางเทคนิคราคาหุ้นมีแนวโน้มทดสอบ All-Time High ที่ 52.0 บาท และจะมีเป้าหมายถัดไปที่ 55 บาท

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,713.37 ล้านบาท ปิดที่ 17.70 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,401.90 ล้านบาท ปิดที่ 5.60 บาท ลดลง 0.10 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,191.38 ล้านบาท ปิดที่ 264.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 681.03 ล้านบาท ปิดที่ 74.75 บาท ลดลง 0.75 บาท

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 650.63 ล้านบาท ปิดที่ 51.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button