“พาณิชย์” เจาะตลาดค้าออนไลน์อินเดีย ลุยเจรจานำเข้า-ส่งออก คาดมูลค่าซื้อขายกว่า 600 ลบ.

"พาณิชย์" เจาะตลาดค้าออนไลน์อินเดีย ลุยเจรจานำเข้า-ส่งออก คาดมูลค่าซื้อขายกว่า 600 ลบ.


นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ประเทศอินเดียมีประชากรมากเป็นอันดับสองของโลกกว่า 1,380 ล้านคน จึงถือว่าเป็นตลาดใหญ่ และมีกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงกว่า 300 ล้านคน ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า GDP ของอินเดียในปีนี้จะขยายตัวถึง 11.5% สูงเป็นอันดับ 1 ของโลก

ดังนั้น จึงได้สั่งการให้สำนักส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ หรือทูตพาณิชย์ในประเทศอินเดียทั้ง 3 แห่ง ตามนโยบาย “เซลส์แมนประเทศ” ของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ให้จัดกิจกรรมเพื่อบุกเจาะตลาดทั้งในเมืองหลักและเมืองรองของอินเดียอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นที่มาของโครงการ Sourcing for India ในครั้งนี้

โดยกรมฯ ได้จัดกิจกรรมในรูปแบบของการเจรจาการค้าผ่านช่องทางออนไลน์ (Online Business Matching) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่กรมฯ ได้มีการดำเนินการอยู่ตลอด และถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเป็นกิจกรรมที่มีประสิทธิภาพที่สามารถช่วยให้ผู้ประกอบการไทยยังสามารถขายสินค้าได้แม้ในภาวะของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ ซึ่งจากผลการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ถือได้ว่าประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย โดยมีผู้นำเข้าอินเดียร่วมเจรจา 28 บริษัท ผู้ส่งออกไทย 34 บริษัท เกิดคู่เจรจารวม 101 คู่ และคาดว่ามูลค่าการซื้อขายภายใน 1 ปีจะสูงถึงกว่า 685 ล้านบาท

“สินค้าที่ได้รับการสั่งซื้อสูงสุด ได้แก่ แผ่นไม้อัด (Particle Board และ MDF) น้ำมันปาล์ม, เก้าอี้แบบปรับเอนได้, เครื่องสำอางที่ทำจากธรรมชาติ, ของเล่นเด็กที่มีนวัตกรรม และอาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งนอกจากอินเดียมีความต้องการนำเข้าแล้ว ยังสนใจที่จะร่วมทุนกับโรงงานในไทยผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง เพื่อส่งออกไปยังอินเดียและประเทศอื่นๆ อีกด้วย” นายสมเด็จระบุ

ด้าน น.ส.สุพัตรา แสวงศรี ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ กล่าวเสริมว่า เศรษฐกิจอินเดียเริ่มฟื้นตัว มีการขยายตัวของภาคการส่งออกและนำเข้าตั้งแต่ธันวาคม 2563 เป็นต้นมา แม้ว่าอินเดียจะมีนโยบายพึ่งพาตนเอง ลดการนำเข้า แต่ภาคการผลิตของอินเดียยังไม่สามารถที่จะสอดรับความต้องการผู้บริโภคได้

ดังนั้น อินเดียยังมีช่องว่างที่ให้สินค้าไทยเข้าไปเติมเต็มและเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้อีกมาก โดยในปัจจุบัน อินเดียยังมีความต้องการนำเข้าอีกหลายชนิด เนื่องจากการผลิตในประเทศยังไม่เพียงพอกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น อาหารพร้อมรับประทาน, ผลไม้สด, เครื่องแก้ว, เครื่องใช้ในครัวเรือน, ผลิตภัณฑ์พลาสติกและอุปกรณ์ทำความสะอาด, ผ้าทอและเส้นด้ายโพลิเอสเตอร์ ตลอดจนสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมหนัก เช่น วัสดุก่อสร้าง, ชิ้นส่วนรถจักรยาน, อะไหล่รถยนต์ และโซลาร์เซล เป็นต้น

“สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศทั้ง 3 แห่งในอินเดีย จึงได้จัดให้มีการเจรจาธุรกิจออนไลน์อย่างต่อเนื่อง และจะติดตามเร่งรัดให้มีการสั่งซื้อและส่งมอบโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม ตลาดอินเดียมีความอ่อนไหวในด้านราคา หากสินค้าไทยมีราคาที่ใกล้เคียงหรือสู้คู่แข่งได้ ก็มั่นใจว่าเราจะสามารถแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดกลับมาได้แน่นอน” น.ส.สุพัตรากล่าว

สำหรับกิจกรรมการเจรจาการค้าผ่านช่องทางออนไลน์ (Online Business Matching) ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในปีที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมกิจกรรม 485 ราย เจรจาการค้ากับผู้นำเข้าต่างประเทศ 352 ราย เกิดการจับคู่ธุรกิจ 1,705 คู่เจรจา และคาดว่าสามารถสร้างมูลค่าซื้อขายภายใน 1 ปีมีมูลค่าถึง 14,454.70 ล้านบาท โดยหลังจากนี้ กรมฯ มีแผนจัดกิจกรรมผลักดันสินค้าฮาลาลในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 และกลุ่มสินค้าเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ป้องกันตนเอง (PPE) และผลไม้ในเดือนมีนาคม 2564

Back to top button