“ปริญญ์” ดึงบิ๊กเนมการเงิน ถกประเด็น “บิทคอยน์-บล็อกเชน” แนะรัฐแก้กม.รองรับเทคโนโลยี
"ปริญญ์" ดึงบิ๊กเนมการเงิน ถกประเด็น “บิทคอยน์-บล็อกเชน” แนะรัฐแก้กม.รองรับเทคโนโลยี
นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ จัดงาน “เปิดอกถกทุกประเด็น ครั้งที่ 2” ต่อยอดความสำเร็จ หลังจากได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมในครั้งก่อน ชูประเด็นร้อน “บิทคอยน์ – บล็อกเชน” โดยมีกูรูการเงินยุคใหม่บิ๊กเนมตบเท้าเข้าร่วมงานจำนวนมาก อาทิ ปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น และเงินดิจิทัลซีคอยน์ (Zcoin) จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด สัญชัย ปอปลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คริปโตมายด์ จำกัด และปรีชา ไพรภัทรกุล ผู้บริหารบริษัท อัพบิต เอ็กซ์เชนจ์ (ประเทศไทย) จำกัด
โดย นายปริญญ์ ได้กล่าวถึงการพูดคุยเรื่อง เงินดิจิทัล บิทคอยน์ และบล็อกเชน ในครั้งนี้ ถือเป็นการเตรียมความพร้อมให้ภาคการเงิน การลงทุน และนโยบายของภาครัฐ ให้ปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงและเท่าทันกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปทุกวัน เพื่อนำไปใช้ขับเคลื่อนมิติต่าง ๆ ของประเทศ ในยุคสังคมไร้เงินสด รวมถึงเป็นการแบ่งปันองค์ความรู้และประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อติดอาวุธให้ประชาชนในการเลือกลงทุนในอนาคต และเป็นที่น่ายินดีว่าปัจจุบันภาครัฐบางแห่ง เช่นกระทรวงพาณิชย์ได้นำบล็อกเชนไปจัดทำเว็บไซต์ Tracethai.com แพลตฟอร์มการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าเกษตร ไปแล้วก่อนหน้านี้
ด้าน นายสัญชัย ปอปลี กล่าวว่า บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่สร้างความเชื่อมั่น ไร้ตัวกลาง และอาศัยระบบกระจายศูนย์ ทำให้ไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ สามารถนำไปใช้ได้จริงกับหลาย ๆ เรื่อง เช่น เศรษฐศาสตร์การแบ่งปัน (Sharing economy) ใช้กับภาคอุตสาหกรรม หรือการแพทย์ แต่กับในประเทศไทยยังเจอปัญหาด้านกฎหมาย ทำให้ประเทศพลาดโอกาสทองไปหลายครั้ง เพราะติดข้อจำกัดด้านกฎหมาย ที่มีหลายขั้นตอนและไม่เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลง
ขณะที่ นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา กล่าวว่า ทุกวันที่เราตื่นขึ้นมา โลกจะเดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้กระทั่งวงการการเงินที่ต้องเปลี่ยนรูปแบบไปด้วยเช่นกัน อะไรที่เร็วขึ้น ถูกลง และดีขึ้น อย่างคริปโตเคอเรนซี (Cryptocurrency) จึงได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อย ๆ คำถามที่ว่าทำไมบิทคอยน์ถึงมีมูลค่าสูงขึ้นมากในปัจจุบัน เป็นเพราะช่วงเวลาที่ผ่านมา ได้ทำให้คนทั่วโลกเห็นแล้วว่า ไม่มีใครที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ความเชื่อมั่นเลยมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนมูลค่าของบิทคอยน์จะเพิ่มมากขึ้นไปอีกเท่าไหร่ คงตอบไม่ได้ เพราะไม่มีใครรู้อนาคต
ส่วน นายปรีชา ไพรภัทรกุล กล่าวเพิ่มเติมว่า บล็อกเชนเป็นเรื่องที่มาเร็ว แต่ก็ไม่ใช่เร็วจนตามไม่ทัน แต่ทุกอย่างไม่จำเป็นต้องอยู่บนบล็อกเชน อะไรที่ดีแล้วก็ทำไปเหมือนเดิม ส่วนอะไรที่ควรเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยน เพราะถ้าไม่เปลี่ยน เราจะตามประเทศอื่นไม่ทัน ส่วนบิทคอยน์ ไม่ใช่ทางเลือกสุดท้าย ถ้าในอนาคตมีการร่วมมือกันขององค์กรใหญ่ ๆ เพื่อทำเหรียญใหม่ขึ้นมา ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน
ในส่วนของ ปรมินทร์ อินโสม เปิดเผยว่า เงินสดไม่ได้ตอบโจทย์การใช้จ่ายจำนวนมาก จึงทำให้เกิดบริการโมบายแบงก์กิ้ง และเงินดิจิทัลขึ้น อย่างไรก็ตามในโลกไซเบอร์แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพียงใด แต่ก็ยังไม่ปลอดภัย 100% อาจมีช่องโหว่ที่ก่อให้เกิดความเสียหายได้บ้าง บล็อกเชนและบิทคอยน์จึงเป็นระบบที่สร้างความอุ่นใจได้ในระดับหนึ่ง ในขั้นที่คนเราสามารถยอมรับและอยู่กับมันได้อย่างไม่เป็นกังวลเท่านั้น
ปริญญ์ กล่าวเสริมในตอนท้ายว่าการจะพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ยกตัวอย่างเช่นการบริการสาธารณะดีที่สุด คือต้องให้ภาคเอกชนเป็นคนทำ ภาครัฐต้องทำตัวให้เล็กลง และบริหารจัดการให้เกิดพื้นที่การแข่งขันที่เป็นธรรม แก้ไขเรื่องกฎหมาย การแข่งขัน และปรับความคิด เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนหรือสตาร์ทอัพที่มีความสามารถเข้ามาทำงานบ้าง ถึงจะทำให้เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศเติบโตและแข่งขันได้
“การพูดคุยทั้งหมดในวันนี้เป็นเพียงการนำเสนอมุมมองเท่านั้น ไม่ใช่การชี้นำ เพราะท้ายที่สุดแล้ว การจะลงทุนหรือเก็งกำไรด้วยวิธีใดก็ตาม ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ชัดเจนก่อน หวังว่าผู้เข้าร่วมงานจะได้รับประโยชน์กลับไปอย่างเต็มที่ ผมเน้นย้ำเสมอว่า สังคมดีไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องช่วยกันสร้าง อยากให้ทุกท่านจะช่วยกันนำองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่ได้ไปผลักดันต่อในองค์กรของท่าน และในระดับนโยบายของภาครัฐต่อไป ขอบคุณตัวแทนจากหน่วยงานรัฐ เอกชน และบุคคลทั่วไป ที่เปิดใจมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในครั้งนี้” ปริญญ์ กล่าว
สำหรับเวทีเปิดอกถกทุกประเด็น จึงจะยังคงจัดขึ้นเป็นประจำทุกวันอังคาร ที่พรรคประชาธิปัตย์ เวลา 17.30 น. เป็นต้นไป หากท่านใดมีประเด็นที่สนใจ และอยากให้เป็นหัวข้อของงานครั้งถัดไป สามารถติดต่อมาได้ที่ไลน์ไอดี @prinnp” และติดตามชมได้ผ่านทางเฟซบุ๊คไลฟ์เพจ ปริญญ์ พานิชภักดิ์ – Prinn Panitchpakdi