SET เสี่ยงปรับลงตามหุ้นสหรัฐ-ราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวซื้อ เก็ง 21 หุ้น เน้นได้ผลบวกภาครัฐฯ
นักวิเคราะห์มอง ดัชนีหุ้นไทยวันนี้เสี่ยงปรับตัวลงตามตลาดหุ้นสหรัฐและราคาน้ำมันมันดิบที่ร่วงลงแรง หลังตลาดกังวลว่ามีแนวโน้มที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามภาพรวมยังเป็นบวก แนวรับที่ 1,380 จุด หากไม่หลุดมีโอกาสปรับขึ้นได้ การลงทุนทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว โดยยังเน้นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐฯ
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.07 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 36.18 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง หลังตำแหน่งงานว่างในสหรัฐพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ค. ส่งผลให้มีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED)
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้เสี่ยงปรับตัวลงตามตลาดหุ้นสหรัฐและราคาน้ำมันมันดิบที่ร่วงลงแรง หลังตลาดกังวลว่ามีแนวโน้มที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามภาพรวมยังเป็นบวก แนวรับที่ 1,380 จุด หากไม่หลุดมีโอกาสปรับขึ้นได้ การลงทุนทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว โดยยังเน้นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐฯ หุ้นเด่นเลือก BCP-BMCL-IFEC-WHA-TPIPL-KCE-DELTA-SVI-CPF-CK-STEC-SEAFCO-SCC-KTB-ITD-GCAP-TMB-CPALL-KTC-TTA และ ESSO
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (10 ก.ย.) คงมุมมองต่อการลงทุนเป็น “กลางถึงบวก” วันที่ 8 หลัง SET INDEX วานนี้ปิดยืนเหนือ 1,390 จุด ดีกว่าที่คาด และด้วยบรรยากาศการลงทุนรอบเอเชีย และทั่วโลกที่เป็นบวก สะท้อนนักลงทุนทั่วโลกคาดว่าเฟดจะพิจารณาคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย. SET INDEX ฟื้นตัวในระลอกนี้ (*แต่ไม่ใช่วันนี้) มีโอกาสที่จะทะลุ 1,400 จุด ขึ้นไปทดสอบ 1,420 จุด +/- ก่อนการประชุมเฟดปลายสัปดาห์หน้า ผลักดันด้วยกลุ่ม Domestic Play นำโดยกลุ่มธนาคารที่พักฐานมาระยะหนึ่งแล้ว
และเมื่อ SET INDEX และตลาดหุ้นทั่วโลกขยับขึ้นเด่นในช่วงนี้ หากผลการประชุมเฟดในวันที่ 16-17 ก.ย.นี้ เป็นการคงอัตราดอกเบี้ย คาดว่าจะเกิด Sell on Fact แต่จะกดให้ SET INDEX หรือ ตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตลาดหุ้นในตลาดเกิดใหม่ ปรับฐานลงไม่มากนัก เนื่องจากการทำ Dollar Carry Trade/ราคาพันธบัตรทั่วโลก ทรงตัวดีขึ้น
ขณะที่นักลงทุนภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันภายในประเทศ ซื้อสุทธิ 26,207 ล้านบาท นับตั้งแต่ปรับครม. ประยุทธ์ 3 สะท้อนความเชื่อมั่นต่อทีมเศรษฐกิจ นำโดย รองนายกฯ ดร.สมคิด อีกทั้งทีมเศรษฐกิจ ต่างทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นตลอด 2 เดือน รวมถึงการเข้าหารือกับเจ้ากระทรวงด้านเศรษฐกิจของ รองนายกฯ ดร.สมคิด เชื่อว่าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่เลื่อนการพิจารณามาอย่างต่อเนื่อง จะออกมาเป็นรูปธรรมในช่วงที่เหลือของปีนี้ หลังเข้าหารือกับเจ้ากระทรวง คมนาคม และได้มอบหมายนโยบายที่ชัดเจน สิ่งเหล่านี้ จะทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนภายในประเทศดีขึ้น มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้น
ทั้งนี้คาดว่า เมื่อโครงการลงทุนขนาดใหญ่สามารถผลักดันออกมาเป็นรูปธรรม และมีตารางการประมูลโครงการที่ชัดเจน ท่านรองนายกฯ และทีมเศรษฐกิจจะเริ่มเดินสายชี้แจงนโยบายและแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ แด่นักลงทุนต่างชาติในระยะถัดไป ซึ่งแรงขายจากต่างชาติในช่วงนี้จึงไม่หนาแน่นเหมือนช่วงที่เกิด คสช. ช่วงกลางปีที่ผ่านมา เพราะนักลงทุนกลุ่มนี้ต่าง Wait&See เพื่อรอดูแผนของทีมเศรษฐกิจจากนี้ไป
ประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX วันนี้ระหว่าง 1,380-1,400 จุด แรงกดดันจากบรรยากาศรอบเอเชีย อาจทำให้ SET INDEX ซึมตัวลง แต่ยังเป็นการแกว่งในกรอบ
กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ “นักลงทุนทยอยสะสมหุ้นเป้าหมายอีกครั้ง เมื่อ SET INDEX ซึมตัวลง และหุ้นเป้าหมายราคาย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย โดยมุ่งเน้นหุ้นกลุ่ม Domestic Play ที่ยังขึ้นช้ากว่าภาพรวมของกลุ่ม”
Top Pick in Q3/15: BCP/BMCL/IFEC/WHA
Accumulative Buy: TPIPL
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (10 ก.ย.) ว่า Dow Jones วานนี้ -1.45% และ Brent -US$1.94/bbl จากความกังวลต่อการขึ้นดอกเบี้ย Fed ในวันที่ 16-17 ก.ย.นี้ ประกอบกับ SET เข้าใกล้โซนแนวต้าน 1,400-1,408 จุด จะเป็นปัจจัยกดดัน วันนี้ ประเมินแนวรับ 1,375-1,380 จุด ขณะที่ระยะสัปดาห์มอง SET ไม่ทำ New low ต่ำกว่า 1,300 จุด
แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากการอ่อนค่าของเงินบาทมาที่ 36.2 บาท/ดอลลาร์ฯ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เมื่อ SET ปรับลดลงมาที่แนวรับ 1,380 +/- จุด วันนี้
1) Export: “ซื้อ” KCE DELTA และ SVI (ราคา Break สามเหลี่ยม ต้าน 5.3) รวมไปถึงกลุ่มอาหาร อย่าง CPF (เริ่มซื้อหุ้นคืนวันนี้เป็นต้นไป)
2) Infrastructure: “ซื้อ” CK STEC SEAFCO SCC KTB และ TMB
3) Consumption: “ซื้อ” CPALL และ KTC
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (10 ก.ย.) ว่า วานนี้แรงซื้อกลับเข้ามาหุ้น Market Cap.ใหญ่กลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ โดยสถาบันเป็นผู้ซื้อสุทธิจำนวน 1.7 หมื่นล้านบาท ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนความมั่นใจทิศทางเศรษฐกิจไทยที่คาดจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นหลัง ครม. เริ่มออกมามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ วันนี้ กทค. จะพิจารณาเกณฑ์การประมูลคลื่น 900 MHz ซึ่งหากมีความชัดเจนน่าจะส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มสื่อสาร
กลยุทธ์การลงทุน วาง Filter แนวรับที่ 1,380 จุด หากยืนได้ประเมินทิศทางตลาดยังมีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,408-1420 จุด แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัวในหุ้นที่คาดได้ประโยชน์นโยบายรัฐ เช่น KTB, ITD และ GCAP
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (10 ก.ย.) คาดการณ์มุมมองทางเทคนิคSET เมื่อวันก่อนไต่ระดับ MA10 ซึ่งยังแสดงภาพของการเป็นแนวโน้มขึ้นระยะสั้นได้อยู่ และผ่าน MA25 ได้เป็นวันแรก ขณะที่ MACD อยู่ที่ -3.27 ซึ่งลบลดลงและเหนือ signal line แสดงภาพระยะสั้นยังแสดงภาพขาขึ้นต่อเนื่อง โดยรูป candlesticks ที่เกิดขึ้น 9 วันล่าสุด แสดงรูปแบบการเตรียมสัญญาณ breakout ทำให้มีโอกาสทดสอบ 1,400-1,420 จุด
แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 1,380-1,400 หรือ 1,380-1,420
หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไร TTA และ ESSO