“กนง.” ชี้ศก.ไทยยังเสี่ยงสูง แนะรัฐแก้ปัญหาตรงจุด ปล่อยสินเชื่อ กระจายสภาพคล่องให้ทั่วถึง
รายงาน “กนง.” ชี้เศรษฐกิจไทยยังเสี่ยงสูง แนะรัฐแก้ปัญหาตรงจุด ใช้มาตรการการเงินและสินเชื่อ กระจายสภาพคล่องในระบบธนาคารไปสู่ธุรกิจและครัวเรือนให้ทั่วถึง
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 3 ก.พ.64 ที่คณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ต่อปี เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง
ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าประมาณการเดิมบ้าง จากผลกระทบของการระบาดระลอกใหม่ แต่การฟื้นตัวจะแตกต่างกันมากขึ้นระหว่างภาคเศรษฐกิจ จึงควรเน้นมาตรการช่วยเหลือที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย สอดคล้องกับปัญหาและศักยภาพของธุรกิจ ทั้งนี้ โจทย์สำคัญของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องของระดับอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์แล้ว อีกทั้งสภาพคล่องในระบบธนาคารยังอยู่ในระดับสูง แต่โจทย์สำคัญคือการกระจายสภาพคล่องในระบบธนาคารไปสู่ธุรกิจและครัวเรือนให้ทั่วถึง จึงควรใช้มาตรการทางการเงินและสินเชื่อซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด อาทิ มาตรการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อลดความเสี่ยงด้านเครดิต
“การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังมีความไม่แน่นอนสูง คณะกรรมการฯ จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในการประชุมครั้งนี้ และรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงินที่มีจำกัด เพื่อใช้ในจังหวะที่เหมาะสม และเกิดประสิทธิผลสูงสุด” รายงาน กนง.ระบุ
คณะกรรมการฯ เห็นว่าหากเงินบาทแข็งค่าขึ้นเร็ว อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง จึงเห็นควรให้ติดตามตลาดอัตราแลกเปลี่ยนและเงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างใกล้ชิด รวมทั้งพิจารณาความจำเป็นของการดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาท และแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างให้กับตลาดอัตราแลกเปลี่ยนไทย ผ่านการผลักดันการสร้างระบบนิเวศใหม่ของตลาดอัตราแลกเปลี่ยน (FX ecosystem) อย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการฯ เห็นว่าการส่งเสริมให้กลุ่มนักลงทุนสถาบันของไทยออกไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศเพิ่มขึ้น จะช่วยสนับสนุนเงินทุนเคลื่อนย้ายขาออก และทำให้เงินทุนเคลื่อนย้ายของไทยไหลเข้าออกอย่างสมดุลมากขึ้น
พร้อมกันนี้ คณะกรรมการฯ เห็นว่าการประสานนโยบายระหว่างหน่วยงานภาครัฐ มีความสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะถัดไป และเห็นควรให้เร่งดำเนินมาตรการการเงินการคลังที่ตรงจุด สอดคล้องกับปัญหาและศักยภาพของธุรกิจ โดยนโยบายการเงินต้องผ่อนคลายต่อเนื่อง มาตรการทางการเงินและสินเชื่อควรเร่งกระจายสภาพคล่องไปสู่ธุรกิจที่มีศักยภาพและขาดสภาพคล่อง ผ่านมาตรการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อลดความเสี่ยงด้านเครดิต และอาจพิจารณาเพิ่มเงื่อนไขเพื่อจูงใจให้ธุรกิจรักษาการจ้างงาน สถาบันการเงินควรเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้เกิดผลในวงกว้าง มาตรการการคลังควรเร่งออกเพิ่มขึ้นและตรงจุด เพื่อเยียวยาและพยุงเศรษฐกิจ
“ในระยะต่อไป ควรเตรียมชุดมาตรการการเงินและการคลัง เพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา นอกจากนี้ ภาครัฐควรร่วมกันผลักดันนโยบายปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับบริบทใหม่หลังโควิด-19 โดยเฉพาะการยกระดับทักษะแรงงานและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวที่ยั่งยืนและยกระดับศักยภาพของเศรษฐกิจในระยะยาว” รายงานกนง. ระบุ