“สุพัฒนพงษ์” รับศก.ตก 10% ดันสำรองไฟพุ่ง-ไม่ฟันธง “โซลาร์ทัพบก” บรรจุแผนพลังงาน รอผลศึกษา
“สุพัฒนพงษ์” รับเศรษฐกิจตก 10% ดันสำรองไฟพุ่ง ยังไม่ฟันธง “โซลาร์ทัพบก” บรรจุแผนพลังงานแห่งชาติ ชี้ต้องรอผลศึกษาโครงการ ก่อนบูรณาการร่วมกับทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (4 มีนาคม 2564) นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีประกาศเจตนารมณ์การจัดการพลังงาน คุณภาพอากาศ และสิ่งแวดล้อม “Breathe our future รวมพลังเพื่อลมหายใจแห่งอนาคต” ซึ่งจัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
โดยนายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า พลังงานคืออนาคตและโอกาสที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจทำให้เกิดการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เป็นโอกาสต่อยอดในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ดังนั้น สิ่งที่กระทรวงพลังงาน และ กฟผ. ตระหนักและให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจึงไม่ใช่แค่ความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างโอกาสในการใช้ชีวิตให้ครบทุกมิติและสร้างความสุขให้ชีวิตคนไทย ซึ่งที่ผ่านมาคนไทยเคยร่วมมือกันสร้างก้าวย่างที่สำคัญในการอนุรักษ์พลังงานผ่านโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 และในครั้งนี้จึงอยากเชิญชวนคนไทยให้มาร่วมมือกันอีกครั้งเพื่อสร้างพลังงานและอากาศที่บริสุทธิ์ด้วยกัน
นายสุพัฒนพงษ์ ยังเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวภายหลังเสร็จสิ้นงาน ว่าต้องยอมรับว่าด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจที่ผ่านมาซึ่งติดลบประมาณ 10% นั้น ส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลง และการสำรองไฟฟ้ามีเพิ่มมากขึ้นจากเดิมที่จะต้องมี 15-20% อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน เริ่มเห็นทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากความผ่อนคลายของสถานการณ์ต่าง ๆ มีมากขึ้น โดยจะส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามมา และในอนาคตปริมาณสำรองไฟฟ้าที่มีอยู่อาจจะน้อยเกินไป เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศส่วนใหญ่จะต้องใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน อาทิ การก้าวเข้าสู่การใช้เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) ศูนย์ข้อมูล หรือ Data Center ฯลฯ ซึ่งล้วนต้องใช้ไฟฟ้าทั้งสิ้น
ขณะเดียวกันที่มีกระแสถึงเรื่องการลดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลลงโดยแนวทางของประเทศไทยการดำเนินนโยบายเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็น ศูนย์ (คาร์บอน นิวทรัล)จะต้องมีการพูดคุยกันถึงศักยภาพที่มีอยู่ และความพร้อมของการปรับตัว ซึ่งต่อจากนี้กระทรวงพลังงานจำเป็นจะต้องมีการหารือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อหาแนวทางการดำเนินงานดังกล่าวโดยจะยกให้เป็นวาระแห่งชาติต่อไป
ส่วนกรณีโครงการโซลาร์ฟาร์ม กองทัพบก 30,000 เมกะวัตต์ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการศึกษา ส่วนจะบรรจุในแผนพลังงานแห่งชาติ (National Energy Plan) หรือไม่นั้น จะต้องรอผลการศึกษาเพราะโครงการดังกล่าวเป็นเพียงการศึกษาเท่านั้นยังจำเป็นต้องบูรณาการกับทุกฝ่าย โดยปัจจุบันแผนพลังงานแห่งชาติอยู่ในขั้นตอนเริ่มจัดรับฟังความเห็นกลุ่มย่อย คาดว่าในเดือน พ.ค.จะจัดสัมมนาใหญ่รับฟังความเห็นประชาชน เพื่อรวบรวมและสรุปผลก่อนนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ประมาณปลายเดือน มิ.ย. 64 ต่อไป
“โซลาร์ฟาร์มของทบ.ที่ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)นำร่อง ต.แก่งเสี้ยน อ.เมืองกาญจนบุรี จำนวน 300 เมกะวัตต์ ในพื้นที่ 3,000 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นที่ราชพัสดุที่อยู่ในความดูแลของ ทบ. เป็นโครงการเพื่อการศึกษาศักยภาพเท่านั้น ผมว่าหลายๆหน่วยงานในไทยมีความปรารถนาดี เช่นเดียวกับโครงการผลิตไฟฟ้าในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ที่ขณะนี้จะนำร่อง 500 เมกะวัตต์ก็ต้องมาศึกษาถึงความเหมาะสมร่วมกันอีกครั้ง” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
ด้านนายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวถึงการจัดงานเพื่อรวมพลังภาคีเครือข่ายพลังงานว่า จากอดีตถึงปัจจุบัน กฟผ. มุ่งมั่นดูแลความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าของประเทศที่ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ การดูแลชุมชนให้อยู่ดีมีสุข รวมถึงการดูแลคุณภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมผ่านเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงได้มุ่งเน้นการพัฒนาและสนับสนุนพลังงานสะอาด ทั้ง โซลาร์ลอยน้ำ รถอีวี เป็นต้น โดยล่าสุดรมว.พลังงานได้มอบหมายให้พิจารณาแนวทางส่งเสริมให้คนไทยหันมาใช้เตาแม่เหล็กไฟฟ้ามากขึ้น เพื่อลดการใช้ก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)ในการปรุงอาหาร และลดภาระการอุดหนุนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง