SET ลุ้นฟื้นตัวหลังเฟดส่งสัญญาณไม่ขึ้นดบ.15 หุ้นฮิตมีทีเด็ดพื้นฐานดี-งานภาครัฐหนุน

 “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รายงานเช้านี้ ณ เวลา 9.20 น. ค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่ 35.91 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ มีโอกาสปรับขึ้นหลังเฟดส่งสัญญาณยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆนี้ ขณะที่วันนี้มีการประชุมกนง.และคาดว่าจะยังคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50 ต่อ สำหรับหุ้นเด่นวันนี้ได้แก่  TASCO,ITD, EA, TISCO, SYNEX, IFEC, ADVANC, JAS, DTAC, JASIF, TASCO, KTC,IFEC, CK และ ITD

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ก.ย.)  คาด SET ยังอยู่ในแนวโน้มการ “พักฐาน” ต่อไป จนกว่าจะมีความชัดเจนต่อการดำเนินนโยบายการเงินของ Fed หลังวันที่ 17 ก.ย.นี้ ซึ่งมอง Downside Risk อยู่ที่ 1,360-1,370 จุด ซึ่งเป็นโอกาสในการซื้อกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากมาตาการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ขณะที่การประชุม กนง.วันนี้ คาดคงดอกเบี้ยที่ 1.50%

มองการปรับลดลงมาที่แนวรับ 1,360-1,370 จุด เป็นโอกาส “ซื้อ” คาด Fed ยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยหนุนการฟื้นตัวตลาดหุ้นโลก และมองเป้าหมายการปรับขึ้นของ SET ระยะสัปดาห์ที่ 1,400-1,408 จุด โดยกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะ Outperform ตลาดได้แก่กลุ่มหุ้นที่ถูกเพิ่มน้ำหนักในดัชนี FTSE Index ตั้งแต่ 17 ก.ย.นี้ (ปรับพอร์ตบ่าย 17 ก.ย.)  และมีประเด็นบวกอย่าง DIF (เซ็นสัญญาเช่าเสากับ DTAC พร้อมปันผลกลางเดือน ต.ค.อีก 1.8%), JASIF (ศาลฯยกคำร้อง TT&T), TASCO, KTC, และ IFEC

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ก.ย.)  คาดดัชนีวันนี้ฟื้นตัว โดยทุนต่างชาติมีโอกาสกลับเข้าเก็งกำไร SET ตามค่าเงินบาทที่แข็งต่อเช้านี้ และโอกาสที่สหรัฐจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยก็สูงขึ้นอีก ล่าสุด CME-based probability ที่สหรัฐจะขึ้นดอกเบี้ยในวันพรุ่งนี้เหลือเพียง 25% หกลังตัวเลขสหรัฐไม่ว่าจะเป็นยอดค้าปลีก และผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ส.ค.ต่ำกว่าคาด ส่วนปัจจัยภายใน KGI คาดกนง.จะคงดอกเบี้ยที่ 1.50% หลังเศรษฐกิจมีสัญญาณผ่านจุดแย่สุดแล้ว คงแนะเก็งกำไรหุ้นได้ประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ และหุ้นในกระแสเช่นประมูล 4G

หุ้นเด่นวันนี้ เก็งกำไร SYNEX IFEC ADVANC JAS CK ITD

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ก.ย.) วานนี้จากการประชุมครม.ได้เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนโดยแก้ไข พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุนฉบับเก่าเพื่อให้เกิดแรงจูงใจในการลงทุนมากขึ้นนอกจากนี้สำนักงบประมาณได้ประเมินว่าช่วง 4Q58-1Q59 รัฐบาลจะสามารถเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณในการลงทุนได้ไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาทจึงมองว่าหากดัชนีปรับตัวลงมามากๆ จะเป็นจังหวะที่ดีในการสะสมหุ้น Domestic Play ที่มีมาตรการและโครงการการลงทุนภาครัฐรองรับ

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ ประเมินดัชนีเคลื่อนไหวผันผวนและอาจลงไปทดสอบแนวรับบริเวณ 1,360 จุด แนะนำ ขึ้นซื้อลงขายตามกรอบ โดยมีแนวต้านที่ 1,380-1,390 จุด โดยหากหลุด 1,360 จุด แนะนำ ถอยออกมา Wait and See เพื่อรอความชัดเจนของทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ก.ย.) แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ ผันผวนตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค อย่างไรก็ตามให้ระมัดระวังแรงขายในหุ้นกลุ่มธนาคารหลัง TISCO ต้องตั้งสำรอง SSI เพิ่มใน 3Q15 ซึ่งอาจกระทบต่อ SCB KTB ที่มี SSI เป็นลูกหนี้เช่นกัน 

KSS report วันนี้: EA (Outperform/เป้า 23 บาท) , TISCO (Neutral/เป้าปีหน้าใหม่ 41 จากเดิม 48 บาท)

 

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ก.ย.) กลยุทธ์ : ตลาดในสัปดาห์นี้คาดจะผันผวนน้อยลง แต่ก็ยังขึ้นเหนือ 1400 จุดได้ยากเพราะขาดปัจจัยหนุนภายประเทศที่จะหนุนให้ดัชนีไปต่อ หากจะมีก็รอลุ้นผลดำเนินงาน Q3/15 และการทำปิดงบรายไตรมาส ส่วนต่างประเทศ ก็เหลือรอลุ้นการประชุม FOMC และราคาน้ำมัน

โดยราคาน้ำมันยังมองว่าแม้จะถูกปรับลดราคาเป้าหมายลง แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในกรอบ 45-50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล การเหวี่ยงลงลึกๆแม้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่ไม่น่าจะอยู่ในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลของน้ำมัน จากข้อมูลที่ผ่านมา ราคาน้ำมันมักจะสร้างจุดต่ำสุดประมาณเดือน ม.ค. ในรอบหลายๆปี สภาพตลาดหุ้นคาดจะยังอยู่ในสภาพซึมตัวและแกว่งตัวตามข่าว จากการขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ โดยปัจจัยชี้นำในต่างประเทศอย่างตลาดหุ้นหลักๆ ยังคงรอคอยผลการประชุม FOMC ส่วนการประชุม กนง. วันนี้คาดที่ประชุมจะคงดอกเบี้ย ดัชนี SET วันนี้เปิดขึ้นมาจะปรับตัวขึ้นหลังปรับตัวลง 2 วันติดต่อกัน ขณะที่ดัชนีได้รับแรงหนุนจากดัชนีในภูมิภาคและข่าวที่ ครม. อนุมัติการแก้ไขปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการลงทุน โดยวันนี้มีแนวต้านที่ 1378-1382 จุดส่วนแนวรับที่ 1365-1360 จุด หุ้นที่แนะนำ ซื้อเก็งกำไร วันนี้คือ TASCO และ ITD จากแนวโน้มมีการปรับค่า EPS ขึ้น