SET เสี่ยงแค่ไหน? หากเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย
โค้งสุดท้ายก่อนรู้ผลประชุม Fed โพลล์สำรวจความคิดเห็นในช่วงโค้งสุดท้าย น้ำหนักเทไปทางการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ด้านผลกระทบต่อ SET เบื้องต้น (หากไม่มีปัจจัยลบจากจีน) มองว่า อาจไม่รุนแรงมาก เพราะ 1) การขึ้นดอกเบี้ยเป็นสิ่งที่ตลาดคาดการณ์มาตลอด ไม่ใช่ Surprise ที่เกิดขึ้นทันทีทันใด
ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคเคเทรด จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์(17 ก.ย.) ว่า โค้งสุดท้ายก่อนรู้ผลประชุม Fed โพลล์สำรวจความคิดเห็นในช่วงโค้งสุดท้าย น้ำหนักเทไปทาง การขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในคืนนี้ เริ่มจาก CNBC ผู้ตอบแบบถามส่วนใหญ่กว่า 49% เชื่อว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในวันนี้ เช่นเดียวกับโพลล์ของ Financial Times ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ราว 47% เชื่อแบบนั้นเช่นกัน
วานนี้ สหรัฐฯรายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ส.ค. (Headline CPI) ขยายตัวเล็กน้อยราว 0.2% YoY เป็นไปตามตลาดคาด แต่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมอาหารและพลังงาน ขยายตัว 1.8% YoY เท่ากับเดือนก่อนหน้า แต่ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 1.9% YoY เราเชื่อว่า อัตราเงินเฟ้อครั้งนี้ที่ประกาศออกมาไม่น่าจะมีน้ำหนักต่อการตัดสินใจของ Fed อย่างมีนัย เพราะ Fed รับรู้มาตลอดว่า เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาวที่ 2% แต่ Fed ยืนยันว่า เงินเฟ้อระดับต่ำเกิดจากปัจจัยชั่วคราวอย่างราคาน้ำมันตกต่ำและเงินดอลล่าร์ที่แข็งค่า เชื่อว่า ในระยะถัดไป การจ้างงานที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง จะหนุนให้อัตราเงินเฟ้อกลับเข้าสู่เป้าหมายในระยะยาวได้
ฝ่ายวิจัย Bank of America Merrill Lynch (BoAML) คงมุมมองว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในคืนนี้ คาดภายในปีนี้ Fed จะขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้ง (ปีนี้เหลือการประชุม Fed อีก 2 ครั้งคือเดือน ต.ค. และ ธ.ค.) และ 4 ครั้งในปีหน้า (ส่วนปีหน้ามีการประชุมทั้งหมด 8 ครั้ง)
ความเสี่ยงคือ จีน การขึ้นดอกเบี้ยของ Fed จะทำให้มีกระแสเงินทุนไหลออกจากจีนมาก หากจีนพยุงค่าเงินหยวนไม่ไหวและยอมปล่อยให้หยวนอ่อนค่าอีกรอบ คล้ายเหตุการณ์เมื่อ 11-13 ส.ค.ที่ผ่านมา จะทำให้เกิดความปั่นป่วนในตลาดทุน คือ การอ่อนค่าพร้อมกันของค่าเงินเอเชีย และการปรับฐานแรงของตลาดหุ้น
ด้านผลกระทบต่อ SET เบื้องต้น (หากไม่มีปัจจัยลบจากจีน) มองว่า อาจไม่รุนแรงมาก เพราะ 1) การขึ้นดอกเบี้ยเป็นสิ่งที่ตลาดคาดการณ์มาตลอด ไม่ใช่ Surprise ที่เกิดขึ้นทันทีทันใด 2) นักลงทุนต่างชาติปรับพอร์ตขายหุ้นไทยมาตลอดตั้งแต่ กลางปี 2556 จนถึงปัจจุบันแล้วกว่า 3.2 แสนล้านบาท และไม่เคยกลับเข้ามาซื้ออย่างมีนัยตั้งแต่นั้น 3) Valuation ของ SET ปรับตัวเข้าสู่สมดุล โดยกลับมาซื้อขายบริเวณ P/E 13.9 เท่า (อิงคาดการณ์กำไรปีหน้า) ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยระยะยาว 13 ปีย้อนหลังที่ 13.5 เท่า และส่วนต่างผลตอบแทนระหว่าง SET และพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือ Earnings Yield Gap กลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ 3.5%
ขอบคุณที่มารายงานบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคเคเทรด จำกัด จัดทำขึ้นโดยฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคเคเทรด จากัด (kktrade) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักลงทุนใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในหลักทรัพย์ ซึ่งได้พิจารณาจากข้อมูลที่เปิดเผย ต่อสาธารณชน และเป็นการคาดการณ์ของผู้จัดทำจากข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมด โดยการวิเคราะห์หลักทรัพย์นี้อาจจะมีผลไปในทิศทางเดียวกันหรือตรงกันข้ามกับหลักทรัพย์ที่ทำการวิเคราะห์ก็ได้ ดังนั้น นักลงทุนควรใช้ วิจารณญาณในการลงทุน