แนะเก็บ 4 หุ้นรับผลดีโครงการรัฐSET ไร้แรงหนุน บ่ายคาดผันผวน

SET เช้านี้ผันผวนในกรอบหลังไม่มีปัจจัยใหม่มาหนุน ด้านตลาดภูมิภาคแกว่งทั้งในแดนบวก-ลบ โดยยังติดตามตัวเลขเศรษฐกิจจีน และสหรัฐฯ ที่จะออกมาในวันพรุ่งนี้ บ่ายนี้ตลาดคงซบเซา พร้อมให้จุดฟิวเตอร์และแนวรับไว้ที่ 1,380 แนวต้าน 1,400 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (22 ก.ย.) แกว่งตัวทั้งในบวกและลบ เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน ขณะที่ ตลาดหุ้นภูมิภาคเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ โดยยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของจีน และสหรัฐที่จะประกาศในวันพรุ่งนี้

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย คาดตลาดหุ้นไทยน่าจะยังซบเซาเหมือนช่วงเช้า พร้อมให้จุดฟิวเตอร์และแนวรับไว้ที่ 1,380 จุด ส่วนแนวต้าน 1,400 จุด ขณะที่ แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มรับเหมาที่ยังได้รับผลดีจากโครงสร้างพื้นฐาน เช่น STEC-CK-UNIQ และ SEAFCO 

 

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ผันผวนในกรอบบวก และลบประมาณ 4 จุด เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน

ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ โดยยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของจีน และสหรัฐที่จะประกาศในวันพรุ่งนี้

แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดตลาดหุ้นไทยน่าจะยังซบเซาเหมือนช่วงเช้า พร้อมให้จุดฟิวเตอร์และแนวรับไว้ที่ 1,380 จุด ส่วนแนวต้าน 1,400 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (22 ก.ย.) ว่า SET เคลื่อนไหวย่ำฐานต่อ โดยธนาคารที่ได้รับผลกระทบจากหนี้ SSI UK อย่าง SCB และ KTB ซึ่งยังเป็นตัวกดดันตลาดต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ ทั้งนี้ แนะนำให้เปลี่ยนไปลงทุน TMB แทน หากนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงแนะนำ TMB16C1603A และ KBANK 

ขณะที่ ประเด็นฟ้องร้อง ADVANC กรณีแก้ไขสัญญาสัมปทานเป็นอีกปัจจัยที่กดดันหุ้นกลุ่มสื่อสารขนาดใหญ่ในช่วงเช้าที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยยังให้น้ำหนักกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี รวมไปถึงการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้ SET ไปที่ทดสอบ 1,408 หรือถัดไปที่ 1,420-1,440 จุด เหมือนเดิม

สำหรับกลุ่มรับเหมา ซึ่งเป็นกลุ่มหุ้นที่ให้น้ำหนักลงทุน “มากกว่าตลาด” หรือ “Overweight” ต่อไป เนื่องจากคาดการณ์การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน มูลค่า 2 ล้านล้านบาท มีความต่อเนื่อง และคาดว่า ครม.จะเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ที่เป็นเครื่องยนต์หลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า แนะนำ “ซื้อ” STEC-CK-UNIQ และ SEAFCO

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,089.67 ล้านบาท ปิดที่ 5.75 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

KTB มูลค่าการซื้อขาย 925.96 ล้านบาท ปิดที่ 17.60 บาท ลดลง 0.20 บาท

CK มูลค่าการซื้อขาย 802.13 ล้านบาท ปิดที่ 27.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 546.04 ล้านบาท ปิดที่ 255.00 บาท ลดลง 1 บาท

IFEC มูลค่าการซื้อขาย 537.95 ล้านบาท ปิดที่ 10.80 บาท ลดลง 0.10 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button