SET บ่ายไม่สดใส รับปัจจัยลบนอกปท.แนะเก็บหุ้นที่ได้รับผลดีจากบาทอ่อนค่า

SET เช้านี้ปรับลงตามตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ติดลบเช่นเดียวกับตลาดสหรัฐ-ยุโรปเมื่อคืนนี้หลังตัวเลข PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนไม่ดี ส่งผลให้บรรยากาศตลาดวันนี้ไม่สดใส ส่วนปัจจัยในประเทศรอความหวังจากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ คาดบ่ายนี้ตลาดคงยังไม่สดใส พร้อมให้แนวรับ 1,370-1,360 แนวต้าน 1,380 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (23 ก.ย.) ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ติดลบตามตลาดสหรัฐ และตลาดยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยลบจากตัวเลข PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนออกมาไม่ดี คาดจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกอาจยังไม่ฟื้น จึงทำให้บรรยากาศตลาดในวันนี้ไม่สดใสมากนัก

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ตลาดหุ้นไทยไม่สดใสเหมือนช่วงเช้า พร้อมให้แนวรับ 1,370-1,360 จุด ส่วนแนวต้าน 1,380 จุด ขณะที่ระยะสั้น “เก็งกำไร” กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากการอ่อนค่าของค่าเงินบาท อย่างกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ อย่าง SVI

 

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง หรือ BLS เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ติดลบตามตลาดสหรัฐ และตลาดยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยลบจากตัวเลข PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนออกมาไม่ดี และความคาดหวังในเศรษฐกิจจีนทำให้มีมุมมองมาที่เอเชียอย่างไทย การส่งออกอาจจะยังไม่ฟื้น ส่งผลให้บรรยากาศตลาดในวันนี้ไม่สดใส

ทั้งนี้ ตลาดมีความไม่มั่นใจต่อเศรษฐกิจจีนที่อาจจะหักมุมปรับตัวลงแรง แม้แต่การเทรดฟิวเจอร์ ขณะนี้ทั้ง S&P และ NASDAQ ต่างปรับตัวลงเกือบ 1% ทำให้เชื่อว่าคืนนี้ตลาดสหรัฐอาจไม่ดี อย่างไรก็ดี สัปดาห์นี้เป็นช่วงของการทยอยประกาศตัวเลข PMI ทั้งของสหรัฐ และยุโรป ซึ่งมองว่าทั้งของสหรัฐ และยุโรปน่าจะอ่อนตัวลงด้วย ขณะที่ ปัจจัยในประเทศตลาดรอความหวังจากมาตรการทางภาษีเพื่อกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์

แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดตลาดหุ้นไทยยังไม่สดใส พร้อมให้แนวรับ 1,370-1,360 จุด ส่วนแนวต้าน 1,380 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (23 ก.ย.) ว่า ดัชนีเช้านี้เจอแรงขายทำกำไรตามตลาดหุ้นโลก จาก 1) การปรับพอร์ตของนักลงทุนทั่วโลก หลัง Fed คงดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์ก่อน 2) PMI ภาคการผลิต ลดลงเหลือ 47.0 จุด ในเดือน ก.ย. ต่ำสุดในรอบ 78 เดือน กดดัน SET ตั้งแต่เปิดตลาด ขณะที่การตั้งสำรองหนี้ SSI ทำให้เร่งขายธนาคารเจ้าหนี้อย่าง KTB SCB TISCO ต่อไป (แนะนำ Switching ไปที่ TMB KBANK แทน)

ทั้งนี้จากประเด็นการตั้งสำรองหนี้ SSI ส่งผลกระทบต่อกำไรบริษัทจดทะเบียนประมาณ 1.2-1.4% ซึ่งคาดว่าจะมีผลกระทบต่อ SET ประมาณ 20 จุด หรือมี Downside Risk ที่ 1,360 จุด

สำหรับตลาดหุ้นโลกยังอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลกระทบทำให้พอร์ตหลักอาจรอ SET มีสัญญาณ “ฟื้นตัว” ทางเทคนิคไปก่อน ขณะที่ระยะสั้น “เก็งกำไร” กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากการอ่อนค่าของค่าเงินบาท อย่างกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ อย่าง SVI

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,289.48 ล้านบาท ปิดที่ 474.00 บาท ลดลง 18.00 บาท

JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,143.79 ล้านบาท ปิดที่ 5.65 บาท ลดลง 0.10 บาท

KTB มูลค่าการซื้อขาย 781.11 ล้านบาท ปิดที่ 17.00 บาท ลดลง 0.30 บาท

SCB มูลค่าการซื้อขาย 611.15 ล้านบาท ปิดที่ 135.50 บาท ลดลง 4.00บาท

INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 508.76 ล้านบาท ปิดที่ 74.00 บาท ลดลง 1.00 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button