แนะเก็บ 7 หุ้นแกร่ง ปัจจัยหนุนชัดเจนSET บ่ายแกว่งแคบ หลังเฟดจะขึ้นดบ.

SET เช้านี้แกว่งแคบทั้งในแดนบวก-ลบ เหตุตลาดต่างประเทศไม่เป็นใจปรับตัวลงทั่วหน้า หลังประธานเฟดระบุว่า จะขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้ ทำให้เป็นกระแสที่ส่งผลต่อตลาดต่างประเทศกันหมด ขณะที่ตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุนจากแรงซื้อหุ้นในกลุ่มรับเหมา บ่ายคาดตลาดยังแกว่งแคบ โดยมีแนวรับ 1,365 จุด ส่วนแนวต้าน 1,375 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (25 ก.ย.) แกว่งแคบทั้งในแดนบวกและลบ เนื่องจากหุ้นต่างประเทศปรับตัวลง หลังประธานเฟดแจ้งว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งในปี 58 ขณะที่ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมา

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ตลาดหุ้นไทยจะแกว่งแคบเหมือนช่วงเช้า โดยมีแนวรับ 1,365 จุด ส่วนแนวต้าน 1,375 จุด ขณะที่ แนะนำซื้อ CK-STEC-SEAFCO-CENTEL-AOT-SCC และ NYT

 

นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งแคบทั้งในแดนบวกและลบ เนื่องจากตลาดต่างประเทศต่างปรับตัวลงกันทั่วหน้า โดยตลาดหุ้นภูมิภาคอยู่ในแดนลบตามดาวโจนส์ หลังจากที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ระบุว่า มีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้ทำให้เป็นกระแสที่ส่งผลลบต่อตลาดต่างประเทศกันหมด

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากมีปัจจัยบวกจากโครงการของภาครัฐที่จะทยอยออกมา

แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดตลาดหุ้นไทยยังแกว่งแคบ พร้อมให้แนวรับ 1,365 จุด ส่วนแนวต้านบริเวณ 1,375 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (25 ก.ย.) ว่า SET เช้านี้ย่ำฐานต่อ หลังไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 1,380 จุด ซึ่งมองการ “ย่ำฐาน” เป็นโอกาส “ซื้อ” ต่อไป ด้วยเป้าหมายระยะสัปดาห์ที่ 1,408 หรือ 1,420 จุด โดยเรายังเน้นหุ้นกลุ่มรับเหมา CK-STEC-SEAFCO กลุ่มท่องเที่ยว CENTEL-AOT และมองการปรับลดลงของ SCC เป็นโอกาส “ซื้อ” ต่อเนื่อง

ขณะที่ แนะนำหุ้น NYT เนื่องจากเป็นผู้ให้บริการท่าเทียบเรือขนส่งรถยนต์ที่เกือบผูกขาดทางการค้าด้วยส่วนแบ่งตลาด 80% ทำให้รายได้มีแนวโน้มเติบโตตามอุตสาหกรรมส่งออกรถยนต์ที่เติบโตเฉลี่ย 6% ต่อปี แนะนำ “ซื้อ” เป้าหมายพื้นฐาน 18 บาท จากประเด็นดังนี้

1)  ธุรกิจส่งออกรถยนต์ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยช่วงแปดเดือนแรกของปีนี้ยอดส่งออกรถยนต์เติบโตเฉลี่ย 5.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หรือ 780,414 คัน แต่เดือน ส.ค.มีการขยายตัวสูง 14% ช่วงเดียวกันปีก่อน จากการเปิดตัวรถรุ่นใหม่โดยเฉพาะกระบะหนึ่งตัน และอีโค คาร์ หนุนกำไรเติบโตเฉลี่ยประมาณ 10% ต่อปีในช่วงปี 2558-60

2)  ท่าเทียบเรือ C0 ของ LRT (NYT ถือหุ้นอยู่ 20% และจะซื้อหุ้นเพิ่มอีก 29% ในปี 2560) กลับมาทำกำไรตั้งแต่ไตรมาส 2/58 หลังลูกค้าหลักอย่าง STP&I กลับมาใช้บริการอีกครั้ง และคาดว่าจะมีส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี

3)  ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง ด้วยสัดส่วนเงินสดสุทธิ และให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.2-5.0% ในปี 2558-60

4)  ทางเทคนิค (อิงรายงาน Trade Code วันที่ 23 ก.ย.) มีเป้าหมายการปรับสูงขึ้นที่ 16.2 บาท และ 16.70 บาท

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,089.67 ล้านบาท ปิดที่ 5.75 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

KTB มูลค่าการซื้อขาย 925.96 ล้านบาท ปิดที่ 17.60 บาท ลดลง 0.20 บาท

CK มูลค่าการซื้อขาย 802.13 ล้านบาท ปิดที่ 27.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 546.04 ล้านบาท ปิดที่ 255.00 บาท ลดลง 1 บาท

IFEC มูลค่าการซื้อขาย 537.95 ล้านบาท ปิดที่ 10.80 บาท ลดลง 0.10 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button