SET บ่ายมีแนวไหลลงต่อเนื่องเหตุกังวลตลาดหุ้นยุโรปเปิดลบ

SET เช้านี้ปรับตัวลงคล้ายตลาดภูมิภาคที่ต่างร่วงกันทั่วหน้าตามดาวโจนส์ เหตุกังวลเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย-กังวลเศรษฐกิจจีน ส่วนปัจจัยในประเทศยังไม่ดี เศรษฐกิจยังไม่ฟื้น เห็นได้จากส่งออกปรับตัวลงมาก และ Outlook กลุ่มแบงก์ในไตรมาส 3/58 ก็ไม่ดี บ่ายนี้จับตาทิศทางตลาดในยุโรปที่เปิดเทรดในช่วงบ่าย ถ้ามีทิศทางดีจะทำให้ตลาดบ้านเรารีบาวด์ได้ โดยมีแนวรับ 1,340 แนวต้าน 1,360 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (29 ก.ย.) รับตัวลงคล้ายตลาดภูมิภาคที่ต่างร่วงกันทั่วหน้าตามดาวโจนส์ เหตุกังวลเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย-กังวลเศรษฐกิจจีน ส่วนปัจจัยในประเทศยังไม่ดี เศรษฐกิจยังไม่ฟื้น เห็นได้จากส่งออกปรับตัวลงมาก และ Outlook กลุ่มแบงก์ในไตรมาส 3/58 ก็ไม่ดี

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ให้จับตาทิศทางตลาดในยุโรปที่เปิดเทรดในช่วงบ่ายนี้ ถ้ามีทิศทางดีจะทำให้ตลาดบ้านเรารีบาวด์ได้ พร้อมให้แนวรับ 1,340 แนวต้าน 1,360 จุด

 

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงในลักษณะซึมตัวคล้ายกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับตัวลงทั่วหน้าตามดาวโจนส์ที่เมื่อคืน (28 ก.ย.) ที่ผ่านมาปรับตัวลง เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และกังวลเศรษฐกิจของจีนด้วยซึ่งภาพโดยรวมเศรษฐกิจโลกเป็นไปในทิศทางที่ชะลอตัว ตอนนี้ดูอยู่ว่าแต่ละประเทศที่เศรษฐกิจชะลอตัวจะมีมาตรการเสริมอะไรออกมาหรือเปล่า

ส่วนปัจจัยในประเทศยังไม่ดี โดยภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว เห็นได้จากตัวเลขการส่งออกที่ปรับตัวลงมาก และ Outlook ของกลุ่มแบงก์ในไตรมาส 3/58 ไม่ดีเท่าไร ทำให้อาจมีการปรับลดประมาณการตามมาได้ ดังนั้นระยะสั้นตลาดไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาเท่าไร มีแต่การลงทุนของภาครัฐซึ่งเป็นเรื่องระยะยาว อีกทั้งทิศทางเงินทุนของต่างชาติเป็นลักษณะการไหลออกมากกว่า ดังนั้นตลาดจึงได้รับแรงกดดันทั้งจากในและนอกประเทศ การเล่นหุ้นของนักลงทุนจึงเล่นเป็นรายตัวมากกว่า

แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ ให้นักลงทุนจับตาทิศทางตลาดในยุโรปที่เปิดเทรดในช่วงบ่ายนี้ ถ้ามีทิศทางที่ดีจะทำให้ตลาดหุ้นไทยสามารถรีบาวด์ได้ พร้อมให้แนวรับ 1,340 จุด ส่วนแนวต้าน 1,360 จุด

 

บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ (29 ก.ย.) ว่า ดัชนีช่วงเช้าปิดลบ ตามการร่วงลงของตลาดหุ้นต่างประเทศเนื่องมาจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยรายงาน World Economic Outlook ของ IMF ระบุว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในประเทศผู้ส่งออกสินค้าเหล่านี้ มีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลงเกือบ 1% ต่อปีในช่วงปี 2558-2560 เมื่อเทียบกับระหว่างปี 2555-2557 โดย IMF จะเปิดเผยแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคในวันนี้  

สำหรับปัจจัยในประเทศ กระทรวงการคลัง เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนสิงหาคม 2558 ว่า เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่งผลให้การส่งออกสินค้าของไทยยังคงหดตัวต่อเนื่อง ด้านการใช้จ่ายบริโภคภาคเอกชนยังคงชะลอตัว และการลงทุนภาคเอกชนเริ่มมีสัญญาณทรงตัว อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยบวกจากการลงทุนรัฐบาลและการท่องเที่ยวเป็นแรงสนับสนุนสำคัญ นอกจากนี้ พื้นฐานเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งจากอัตราการว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำ และทุนสำรองระหว่างประเทศในระดับสูง

ส่วนแนวโน้มช่วงบ่าย ดัชนีหุ้นไทยอยู่ในช่วงทดสอบแนวรับสำคัญที่ 1,345 จุด และยังคงสามารถยืนได้ พร้อมกับมีค่า RSI ในเขต Oversold ในระยะสั้นมีโอกาสรีบาวน์กลับขึ้น 1,350 จุด โดยมี 1,345 จุด เป็นจุดพิจารณาสำคัญ หากหลุดมีโอกาสปรับลงทดสอบ 1,333 จุด

 

ขณะที่ ตลาดหุ้นยุโรปมีแนวโน้มว่า จะเปิดตลาดอ่อนตัวลงในวันนี้ เนื่องจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดเมื่อวานนี้ และความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก

โดย ดัชนี Euro Stoxx 50 ร่วง 1.2% แตะระดับ 2,998

ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวของหุ้นเกลนคอร์ในวันนี้ ภายหลังจากที่หุ้นดังกล่าวร่วงลงไปถึง 30% ในตลาดลอนดอนเมื่อวานนี้

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

JWD มูลค่าการซื้อขาย 1,818.09 ล้านบาท ปิดที่ 13.70 บาท เพิ่มขึ้น 2.70 บาท

JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,116.45 ล้านบาท ปิดที่ 5.40 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

CPF มูลค่าการซื้อขาย 1,063.48 ล้านบาท ปิดที่ 20.80 บาท ลดลง 0.70 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 963.26 ล้านบาท ปิดที่ 241.00 บาท ลดลง 4.00 บาท

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 725.56 ล้านบาท ปิดที่ 47.25 บาท ลดลง 1.00 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button