จับตา Window Dressing วันสุดท้าย!เคาะ 21 หุ้นเด่นเก็ง Q3 มีทีเด็ดเฉพาะตัว

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้บวกกรอบจำกัด โดยแรงซื้อจากฝั่งกองทุนในวันทำการสุดท้ายของไตรมาส 3/58 น่าจะหนุนดัชนีได้ระดับหนึ่ง คาดนักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจโลกจาก IMF ที่จะออกค่ำคืนนี้ รวมทั้งดัชนี PMIs เดือนก.ย.ของประเทศหลักๆ ขณะที่คาดว่านักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อ


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รายงานเช้านี้ ณ เวลา 9.20 น. ค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่ 36.35 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์ก ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้บวกกรอบจำกัด โดยแรงซื้อจากฝั่งกองทุนในวันทำการสุดท้ายของไตรมาส 3/58 น่าจะหนุนดัชนีได้ระดับหนึ่ง คาดนักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจโลกจาก IMF ที่จะออกค่ำคืนนี้ รวมทั้งดัชนี PMIs เดือนก.ย.ของประเทศหลักๆ ขณะที่คาดว่านักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อ

สำหรับหุ้นเด่นวันนี้ ได้แก่ AOT, BDMS, CHG, BH, CK, ITD, EPG, SCN, GUNKUL, TPCH ,IFEC,  SAMART, SIRI, KCE, CENTEL, MINT, EA, ANAN, LPN, PS และ SCC

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (30 ก.ย.)  ระยะสั้น: ปัจจัยลบจากหนี้ SSI และแรงขาย SCC กดดัน SET ปรับลดลงต่ำกว่า 1,360 จุด เป็นสัญญาณ “ลบ” ทางเทคนิค ทำให้มีความเสี่ยงจากการพักฐานไปที่แนวรับ 1,320-1,330 จุด ระยะสัปดาห์: มอง Downside Risk จำกัด จาก PE16 ที่ 13x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 14.5x (2006-2015) และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจตั้งแต่ 4Q15 เป็นต้นไป รอซื้อเมื่อ SET สามารถทะลุแนวต้านระยะสั้น 1,375 จุดขึ้นไป

“ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน อย่าง CK STEC UNIQ  SEAFCO และ SCC  โดย ดร.อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม (ดูรายงาน Thailand Major Forum เพิ่ม) คาดเห็นการประมูลโครงสร้างพื้นฐาน 2.6 แสนล้านบาทภายใน 1Q16 และคาด ครม.เห็นชอบการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ชมพูภายใน 1Q16 (ผ่าน EIA แล้ว)

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (30 ก.ย.) ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ บวกกรอบจำกัด คาดว่าการซื้อขายในตลาดหุ้นหลักที่นิ่งเมื่อคืนนี้ และแรงซื้อจากฝั่งกองทุนในวันทำการสุดท้ายของไตรมาส 3/58 น่าจะหนุนดัชนีได้ระดับหนึ่ง แต่ทางขึ้นยังจำกัด เพราะความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกชะลอยังกดดันค่าเงินในเอเชียและเงินบาท ส่งผลให้ต่างชาติน่าจะขายสุทธิต่อ นักลงทุนส่วนหนึ่งอาจชะลอเพื่อดูตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจโลกจาก IMF ที่จะออกค่ำคืนนี้ รวมทั้งดัชนี PMIs เดือนก.ย.ของประเทศหลักๆ เช่นจีนและยุโรปวันพรึ่งนี้ ด้านปัจจัยภายใน นสพ.หลายฉบับลงข่าว ครม.จะพิจารณามาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ ในวันที่ 5 ต.ค.นี้

หุ้นเด่นวันนี้ เก็งกำไร SPA/สะสมหุ้นหลักต่อเน้น CK,IFEC,SAMART

 

บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ (30 ก.ย.) ทิศทางตลาด : Sideway? คาดมีโอกาสปรับขึ้น ภายใต้ประเด็น Window Dressing – 3Q/58 ในวันนี้ ที่คาดเป็นปัจจัยบวกเข้ามาบ้าง รวมถึง (+) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐที่มีต่อเนื่อง โดยเฉพาะ (1) มาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่คาดมีความชัดเจนในสัปดาห์ข้างหน้า คาดเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และ (2) การเร่งรัดเปิดประมูลโครงการต่างๆ ของภาครัฐ คาดยังส่งผลดีต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งล่าสุดกำหนดยื่นซองประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่คลอง 19 – แก่งคอย สัญญา ที่ 1 และสัญญาที่ 2 มูลค่าประมาณ 9,277 ล้านบาท และ 559 ล้านบาท ตามลำดับ ในวันนี้ (30/9/58) และคาดทราบผลในวันที่ 5/11/58

อย่างไรก็ตามคาดยังคงได้รับปัจจัยลบจาก Fund Flow หลังต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่อง และทำให้ YTD สูงกว่า 106,000 ล้านบาท ขณะที่ค่าเงินบาทยังมีทิศทางอ่อนค่า คาดน่าจะยังมีผลต่อการไหลกลับเข้ามาของ Fund Flow?

ส่วนทางด้านประเด็นต่างประเทศ คาดยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ แต่คาดยังมีความกังวล โดยเฉพาะความไม่แน่นอนเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเฟด (เฟดเหลือการประชุม 2 ครั้งในปีนี้ วันที่ 27 – 28/10/58 และ 15 – 16/12/58) ที่คาดยังมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีน ที่คาดอาจส่งผลกระทบต่อประเทศคู่ค้า อย่างไรก็ตามยังแนะติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของจีน จากก่อนหน้าที่มีความพยายามฟื้นฟูความเชื่อมั่น เพิ่มสภาพคล่อง รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยใช้มาตรการผ่อนคลาย ทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) และอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ

โดยยังแนะติดตาม (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC, TOP และ BCP จะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 3Q/58 แต่มองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น ITD, STEC, TRC และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท ล่าสุดเคลื่อนไหวบริเวณ 36.37 – 36.39 และมีทิศทางอ่อนค่าลง (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TASCO และ VNG เป็นต้น (5) กลุ่มโรงแรม (CENTEL) และหุ้นกลุ่มสายการบิน  (เช่น AAV, BA) หลังสถานการณ์การท่องเที่ยวมีแนวโน้มทรงตัว และคาดดีขึ้น โดยเฉพาะช่วง High season ในช่วง 4Q/58 และ (6) กลุ่มสื่อสาร (ADVANC) หลัง กสทช. จะเปิดประมูลใบอนุญาต 4G คลื่นความถี่ 1,800 MHz  และ 900 เมกะเฮิร์ตซ์ (MHz) ในวันที่ 11/11/58 และ15/12/58 ตามลำดับ

หุ้นแนะนำ : SIRI

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (30 ก.ย.) ประเด็นสำคัญวันนี้ ติดตามแนวทางการแก้ไขการคืนคลื่น 900 MHz เพื่อนำประมูลคลื่น 4G

กลยุทธ์การลงทุน จากทิศทางต่างชาติยังขายสุทธิหุ้นไทย,ยอดขายสุทธิใน NVDR และยอดธุรกรรม Short Sales ที่ยังสูงกว่าระดับ 1 พันลบ. คาดจะยังกดดันดัชนีหุ้นไทย ฝ่ายวิจัยประเมินดัชนียังคง Sideway ในกรอบ 1,340 – 1,365 จุด แนะนำเพียงเทรดดิ้งระยะสั้นตามกรอบที่ให้ไว้ ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไรหุ้นกลุ่มอสังหา ฯ เช่น  ANAN, LPN, PS ต่อประเด็นมาตรกระตุ้นอสังหาฯ ที่ สศค.จะเสนอต่อ ครม. ในสัปดาห์หน้า

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (30 ก.ย.)แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: น่าจะฟื้นตัวตามภูมิภาค แต่จะอยู่ในกรอบจำกัด 1,340-1,365 จุด เนื่องจากยังขาดแรงหนุนจากปัจจัยบวกใหม่ อย่างไรก็ตามวันนี้ต้องติดตามรายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ก.ย ของแบงก์ชาติว่าจะเป็นอย่างไรและมีแนวโน้มไปในทิศทางไหน นอกจากนี้นักวิเคราะห์เริ่มออกบทวิเคราะห์คาดการณ์ผลการดำเนินงาน 3Q15 ของกลุ่มธนาคาร ซึ่งโดยรวมเราคาดว่าน่าจะชะลอตัวเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน และบางธนาคารอาจถูกปรับลดประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้าด้วย

กลยุทธ์วันนี้: Selective buy on weakness/เล่นรอบสั้น/หากเป็นพอร์ตลงทุนเน้นกลุ่มที่ได้ผลบวกจากค่าเงินบาทอ่อน อาทิ กลุ่มที่เกี่ยวกับท่องเที่ยว (AOT) โรงพยาบาล (BDMS CHG BH)  

Trading วันนี้: กลุ่มรับเหมา CK ITD (วันนี้ยื่นซองประกวดราคาโครงการรถไฟรางคู่ 9.8 พันล้านบาท)

Accumulative BUY: EPG, SCN, GUNKUL, TPCH, BDMS

 

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (30 ก.ย.) กลยุทธ์ : สำหรับแนวโน้มการลงทุนในเดือนตุลาคม ยังคงคาดว่าตลาดหุ้นจะยังคงผันผวนตาม 2 ปัจจัย คือ 1) ผลการประชุมเฟดในวันที่ 27-28 ต.ค. ว่าจะมีการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ และ 2) ความกังวลการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนสำหรับประเด็นเรื่องจีน คาดว่าหากจีนประกาศ GDP ออกมาต่ำกว่า 7% เมื่อไร(GDP ไตรมาส 3/58 ประกาศวันที่ 19 ต.ค. 58) ตลาดหุ้นทั่วโลกจะกลับมาผันผวนหนักอีกรอบ (มีโอกาสที่ GDP ไตรมาส 3/58 จะออกมาต่ำกว่า 7% หลังทั้งตัวเลข PMIภาคการผลิต, ผลกำไรภาคอุตสาหกรรมและตัวเลขส่งออก ออกมาแย่มาก)

ส่วนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐคาดว่าได้สะท้อนไปในราคาสินทรัพย์ระดับหนึ่งแล้วทำให้เเชื่อว่าหากมีการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยจริงไม่ว่าจะเป็นเดือนตุลาคมหรือธันวาคม ราคาสินทรัพย์ต่างๆ จะปรับลดลงอีกไม่มากแล้ว วันนี้เราคาดว่าตลาดน่าจะเริ่มมีการรีบาวด์ตามตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากมีแรงซื้อกลับเข้ามาเมื่อวานนี้ แต่การฟื้นตัวคงไปได้ไม่ไกลจากแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศ

โดยกลุ่มที่ยังเน้นให้ลงทุนยังคงเป็นกลุ่มที่มีความปลอดภัยจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว, กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าและกลุ่มที่คาดว่าจะมีกำไรแข็งแกร่งในครึ่งปีหลังและรวมไปถึงปีหน้าอย่าง กลุ่มโรงพยาบาล (BDMS) กลุ่มอิเล็กโทรนิคส์ (KCE)และกลุ่มโรงแรมและการท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) วันนี้ให้แนวรับที่ 1335-1340 และแนวต้านที่ 1355-1360 จุด

แนะนำ ซื้อ หุ้น EA ที่ราคาเป้าหมาย 29 บาท

Back to top button