เปิดกรุ 24 หุ้นเด็ด เก็งงบฯ Q3 ออกมาสวยSET ขึ้นกรอบจำกัด-รอมาตรการรัฐกระตุ้นศก.

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ปรับขึ้น รับข่าวดีเฟดส่งสัญญาณยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆนี้ บวกกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อย่างไรก็ตามคาดการฟื้นตัวของดัชนีจะยังอยู่ในกรอบจำกัดเนื่องจากนักลงทุนยังกังวลต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนใน 3Q15 ที่จะชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ


 “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รายงานเช้านี้ ณ เวลา 913 0 น. ค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่ 36.38 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่อ่อนแอเกินคาดของสหรัฐได้กระตุ้นให้เกิดกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ปรับขึ้น รับข่าวดีเฟดส่งสัญญาณยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆนี้ บวกกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อย่างไรก็ตามคาดการฟื้นตัวของดัชนีจะยังอยู่ในกรอบจำกัดเนื่องจากนักลงทุนยังกังวลต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนใน 3Q15 ที่จะชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ

สำหรับหุ้นเด่นวันนี้เน้นกลุ่มที่ได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและคาดการณ์งบฯไตรมาส 3 ออกมาดี ได้แก่  AOT, BH , SVI, KSL, SAWAD, GUNKUL, BIG, TASCO, MAJOR, KTC, SAPPE, EPG, CENTEL, SCN,SYNEX, COM7, SAMART, IFEC, KSL, CK, STEC, UNIQ,SCC  และ PS

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (5 ต.ค.)  แม้ตลาดรวมยังดู Sideways ในกรอบ 1,340-1,360 จุด แต่ควรหาจังหวะ “เลือกซื้อ” กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะ Outperform ตลาดในช่วง 4Q15 แล้ว โดยมีโอกาสสูงที่ SET จะทำจุดต่ำสุดในเดือน ต.ค. และค่อยๆ ปรับสูงขึ้นในช่วงที่เหลือของปี จาก 1) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเริ่มส่งผลในช่วง 4Q15-1Q16 2) รัฐบาลเร่งเปิดประมูลโครงสร้างพื้นฐาน 3) แรงขายนักลงทุนต่างชาติจำกัด ถือครองหุ้นต่ำสุดตั้งแต่ 2008 และ 4) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ย.ต่ำคาด หนุน Fed ไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย 

“ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากการมาตรการกระตุ้นภาครัฐฯ

1. กลุ่มรับเหมาฯ และวัสดุก่อสร้าง “ซื้อ” CK STEC UNIQ และ SCC 

2. อสังหาฯ ครม.พิจารณามาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ เพิ่ม: “ซื้อ” PS ได้รับผลดีจากการยืดหยุ่นเกณฑ์ปล่อยสินเชื่อมากที่สุด

3. กลุ่มท่องเที่ยว ที่กำลังเข้าสู่ช่วง High Season ขณะที่นักท่องเที่ยว กลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังเหตุระเบิด “ซื้อ” AOT และ CENTEL

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (5 ต.ค.)  คาดปรับขึ้น ตามสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกที่รีบาวด์ หลังตัวเลขสหรัฐต่ำคาด หนุนการเลื่อนขึ้นดอกเบี้ยเฟด โดยการจ้างงานสหรัฐ ก.ย.เพิ่มเพียง 1.42 แสนตำแน่ง และค่าจ้างงานไม่เปลี่ยนแปลง ชี้แรงกดดันเงินเฟ้อยังต่ำ ทั้งนี้สัญญาเฟดฟันด์ฟิวเจอร์สชี้ว่าตลาดมองเฟดจะไปขึ้นดอกเบี้ยในมี.ค.59 แทน ซึ่งระยะสั้นจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้น อย่างไรก็ดี มองว่าตัวเลขจ้างงานสหรัฐ ช่วงพ.ย.จะสำคัญกว่าในการชี้ทิศทางดอกเบี้ยเฟด ด้านปัจจัยภายในมี่ประชุม ครม.จะพิจารณามาตรการอสังหาในต้นสัปดาห์ คาดส่งผลบวกต่อ domestic plays

หุ้นเด่นวันนี้ รับเสี่ยงได้ เก็งกำไร SCN/สะสมกลุ่มสินค้าไอที SYNEX + COM7,SAMART,IFEC

 

บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ (5 ต.ค.)  ทิศทางตลาด : ตามตลาดต่างประเทศ? คาดมีโอกาสปรับขึ้น ภายใต้การคาดการณ์ว่าเฟดยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ (เฟดเหลือการประชุม 2 ครั้งในปีนี้ วันที่ 27 – 28/10/58 และ 15 – 16/12/58) หลังตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการจ้างงานที่ยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอ ทำให้ตลาดต่างประเทศเคลื่อนไหวในแดนบวก

ขณะที่คาดยังมีปัจจัยกดดันจากประเด็นเดิม ภายใต้ความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีน ที่คาดอาจส่งผลกระทบต่อประเทศคู่ค้า อย่างไรก็ตามยังแนะติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของจีน จากก่อนหน้าที่มีความพยายามฟื้นฟูความเชื่อมั่น เพิ่มสภาพคล่อง รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยใช้มาตรการผ่อนคลาย ทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) และอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ

ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ ยังมีความคาดหวังในเชิงบวกหลังจากนี้ภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐที่มีต่อเนื่อง โดยเฉพาะ (1) มาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่คาดมีความชัดเจนในสัปดาห์นี้ คาดเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และ (2) การเร่งรัดเปิดประมูลโครงการต่างๆ ของภาครัฐ ที่คาดยังส่งผลดีต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ทางด้าน Fund Flow ต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องแต่มูลค่าเพียงเล็กน้อย และ YTD ยอดขายสุทธิสะสมยังสูงกว่า 107,000 ล้านบาท ขณะที่ค่าเงินบาทยังมีทิศทางอ่อนค่า คาดน่าจะยังมีผลต่อการไหลกลับเข้ามาของ Fund Flow?

หุ้นแนะนำ : CENTEL

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (5 ต.ค.)  ประเด็นสัปดาห์นี้ ติดตามการเสนอมาตรการกระตุ้นอสังหา ฯ ที่จะเข้า ครม. ส่วนปัจจัยต่างประเทศติดตาม การประชุม BOJ วันพุธนี้ /  Minutes การประชุม FOMC และการประชุม BOE ในวันพฤหัสนี้

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำเทรดดิ้งตามกรอบ 1,340 – 1,360 จุด โดยประเมินความผันผวนเชิงลบเริ่มลดลง จากแรงขายต่างชาติที่ลดน้อยลง , ความคาดหวังเฟดอาจจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย และราคาน้ำมันเริ่มฟื้นตัว  ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไรหุ้นที่มีโมเมนตัมบวกทางเทคนิค เช่น  AOT, BH , SVI

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (5 ต.ค.)  แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: คาดดัชนีจะฟื้นตัวตามตลาดต่างประเทศจากแรงหนุนที่เฟดอาจจะชะลอขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐออกมาน้อยกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ตามคาดการฟื้นตัวของดัชนีจะยังอยู่ในกรอบจำกัดเนื่องจากนักลงทุนยังกังวลต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนใน 3Q15 ที่จะชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ

หุ้นที่คาดกำไร 3Q15E โดดเด่น: SAWAD GUNKUL BIG TASCO MAJOR KTC SAPPE และ EPG

 

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (5 ต.ค.)  จากค่าเงินดอลลาร์ที่กลับมาอ่อนค่า, ราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น, ตลาดหุ้นต่างประเทศที่เริ่มฟื้นตัวกันถ้วนหน้าและแรงขายจากนักลงทุนต่างประเทศที่ชะลอตัวลง ทำให้คาดว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้จะปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยแรงซื้อในกลุ่มพลังงาน ธนาคาร(KBANK KTB) รับเหมาและวัสดุก่อสร้าง (SCC CK ITD STEC UNIQ) โรงแรมและการท่องเที่ยว (AOT CENTEL CPN MINT) และกลุ่มอสังหาฯ (PS LPN SPALI) ที่อาจมีการกลับมาเก็งกำไรนโยบายการกระตุ้นภาคอสังหาฯ ที่กระทรวงการคลังจะนำเสนอเข้าครม. ในวันพรุ่งนี้

อย่างไรก็ตามกลยุทธ์การลงทุนในช่วงที่ตลาดยังคงมีความผันผวนตามการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐและการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน แนะนำให้นักลงทุนหาจังหวะในการขายทำกำไรหากตลาดมีการปรับตัวขึ้นและรอซื้อหากตลาดมีการปรับฐานลง โดยให้พิจารณาค่าเงินบาทเป็นสำคัญ หากค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าต่อเนื่องก็ยังสามารถถือหุ้นได้ แต่หากค่าเงินบาทเริ่มมีทิศทางอ่อนค่าโดยเฉพาะหากทะลุระดับ 36.50 บาท/ดอลลาร์ อาจจะต้องพิจารณาขายทำกำไรในระยะสั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่ตลาดอาจถูกนักลงทุนต่างประเทศขายต่อเนื่องลงไปที่ระดับ 1300 จุดได้ วันนี้ให้แนวรับที่ 1335-1340 และแนวต้านที่ 1355-1360 จุด

แนะนำ ซื้อเก็งกำไรระยะสั้น หุ้น KSL โดยมีราคาเป้าหมาย 4.86 บาท

Back to top button