SET ขึ้นตามตปท.รับแนวโน้มเฟดยังไม่ขึ้นดบ.เปิด 19 บจ.พลังงาน-แบงก์-ท่องเที่ยวเด่นสุด

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศ หลังตลาดคาดเฟดยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยมีการมองว่าน่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปเป็นช่วงปีหน้า แนะนำเก็งกำไรกลุ่มพลังงานที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น, ธนาคารที่ราคาปรับลดลงมาแรงนับจากต้นปี, โรงแรมและการท่องเที่ยวที่งบไตรมาส 3/58 จะออกมาดีตามการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.15 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 36.31 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการปิดพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก จากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศ หลังตลาดคาดเฟดยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยมีการมองว่าน่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปเป็นช่วงปีหน้า แนะนำเก็งกำไรกลุ่มพลังงานที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น, ธนาคารที่ราคาปรับลดลงมาแรงนับจากต้นปี, โรงแรมและการท่องเที่ยวที่งบไตรมาส 3/58 จะออกมาดีตามการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว

หุ้นเด่นเลือก CK-STEC-UNIQ-AOT-CENTEL-CPN-MINT-KBANK-KTB-TMB-SCC-PTT-PTTGC-TOP-IRPC-BCP-BRR-RS และ LIVE

 

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (6 ต.ค.) คาดว่าจะปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างปรับตัวขึ้นกัน เนื่องจากมีแรงซื้อคืนในสินทรัพย์เสี่ยงเข้ามา ภายหลังจากที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯออกมาน้อยกว่าที่คาดไว้ ทำให้คาดการณ์กันว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ และก็ได้มีการมองว่าน่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปเป็นช่วงมี.ค.ปีหน้า (2559)

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดบ้านเราจะมีแรงซื้อคืนเข้ามา แต่การปรับขึ้นของดัชนีฯก็คงจะเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากยังต้องการรอดูการฟื้นตัวเศรษฐกิจก่อน พร้อมให้แนวรับ 1,360-1,353 จุด ส่วนแนวต้าน 1,370-1,380 จุด

 

บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ต.ค.) คาด SET มีโอกาสปรับขึ้นตามทิศทางเดียวกับต่างประเทศ ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ว่าเฟดอาจยังไม่พิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ จากตัวเลขการจ้างงานที่คาดยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอ ขณะเดียวกันตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯ ยังไม่ดีเช่นกัน

อย่างไรก็ตามคาดยังมีปัจจัยกดดันจากประเด็นเดิม ภายใต้ความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีน ที่คาดอาจส่งผลกระทบต่อประเทศคู่ค้า ยังแนะติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของจีน จากก่อนหน้าที่มีความพยายามฟื้นฟูความเชื่อมั่น เพิ่มสภาพคล่อง รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยใช้มาตรการผ่อนคลาย ทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) และอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ

ประเด็นในประเทศ คาดในระยะสั้นอาจถูกกดดันบ้างโดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มอสังหาฯ หลังกระทรวงการคลังเลื่อนการนำมาตรการช่วยเหลือฯ ออกไป (ข้อสรุปตัวเลขยังไม่ชัดเจน) จากเดิมคาดจะนำเข้าครม.ในวันนี้

ด้าน Fund Flow คาดภาพรวมยังมีความผันผวน หลังแรงซื้อขายสุทธิต่างชาติสลับกัน และยอดขายสุทธิสะสมยังสูงกว่า 107,000 ล้านบาท ขณะที่ค่าเงินบาทยังมีทิศทางอ่อนค่า คาดน่าจะยังมีผลต่อการไหลกลับเข้ามาของ Fund Flow

หุ้นแนะนำ: BCP

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ต.ค.) ว่า การกลับมายืนได้เหนือ 1,360 จุด เป็นสัญญาณ “ฟื้นตัว” ทางเทคนิค โดยมีเป้าหมายการปรับสูงขึ้นระยะสั้นที่ 1,388 จุด และคงเป้าหมายระยะสัปดาห์ที่ 1,408 จุด ต่อไป โดยยังมองปัจจัยบวกจาก 1) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเริ่มส่งผลไตรมาส 4/15-1/16

2) รัฐบาลเร่งเปิดประมูลโครงสร้างพื้นฐาน 3) แรงขายนักลงทุนต่างชาติจำกัด ถือครองหุ้นต่ำสุดตั้งแต่ 2008 4) ราคาน้ำมันฟื้นตัวหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยแนะนำ “ซื้อ” PTT PTTGC TOP IRPC และ 5) ตลาดหุ้นโลกฟื้นตัว โอกาสที่ Fed เลื่อนขึ้นดอกเบี้ยออกไป

แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากการมาตรการกระตุ้นภาครัฐฯ

1) กลุ่มรับเหมาฯ และวัสดุก่อสร้าง “ซื้อ” CK STEC UNIQ และ SCC

2) กลุ่มท่องเที่ยว ที่กำลังเข้าสู่ช่วง High Season ขณะที่นักท่องเที่ยวกลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังเหตุระเบิด “ซื้อ” AOT และ CENTEL

3) ธนาคาร Valuation ต่ำ ต่างชาติชะลอขายหุ้น “ซื้อ” KBANK และ TMB

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ต.ค.) ว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ฟื้นตัวหลังจากตลาดคลายความกังวลต่อทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์และราคาน้ำมันเริ่มฟื้นตัว ขณะที่วันนี้ติดตามการประชุม ครม. ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ออกมาหรือไม่

กลยุทธ์การลงทุน จากทิศทางความผันผวนตลาดหุ้นโลกที่ลดลง  ฝ่ายวิจัยปรับกรอบการลงทุนระยะสั้นขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1,360-1,380 จุด  ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไร BCP และ TOP (+ทิศทางราคาน้ำมัน) BRR (+ราคาน้ำตาลตลาดโลก )

 

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ต.ค.) ว่า ตลาดเริ่มคลายความกังวลว่าเฟดอาจจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ คาดว่าตลาดมีแนวโน้มจะฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องจากเมื่อส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่า (ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าช่วงสั้น ทำให้แรงขายของนักลงทุนต่างประเทศน่าจะชะลอตัวลงในช่วงนี้), ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น และมีแรงซื้อกลับเข้ามาในสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดกำลังพัฒนา (Emerging market) ช่วงนี้

วันนี้ยังแนะนำให้ซื้อเก็งกำไรในกลุ่มพลังงาน (TOP PTTGC) ที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น, ธนาคาร (KBANK KTB) ที่ราคาปรับลดลงมาแรงนับจากต้นปี, โรงแรมและการท่องเที่ยว (AOT CENTEL CPN MINT) ที่งบไตรมาส 3/58 จะออกมาดีตามการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว วันนี้เราให้แนวรับที่ 1,355-1,360 และแนวต้านที่ 1,370-1,375 จุด

Themes play: ซื้อ SCC ราคาเป้าหมาย 659 บาท

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ต.ค.) คาดการณ์มุมมองทางเทคนิค SET เมื่อวันก่อนดีดตัวแรง แต่ยังเคลื่อนไหวใต้ MA25 (ลดลงมาเล็กน้อยอยู่ที่ 1,372) เป็นวันที่หกติดต่อกัน SET ยังแสดงสัญญาณเชิงลบ แต่ MACD ดีดขึ้นจากแดนลบมาอยู่ที่ -7.71 ใต้ signal line ทำให้ภาพระยะสั้นจะแกว่งตัว sideway โดยแนวโน้มในรอบนี้จะแกว่งตัวไร้ทิศทางระยะหนึ่ง

แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 1,360-1,370

หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไร RS และ LIVE

Back to top button