เก็บ 21 หุ้นร้อน งบ Q3 โต-มีข่าวดีหนุนเน้นเล่นสั้น SET Sideway รอปัจจัยใหม่

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย Sideway เพื่อรอปัจจัยใหม่ หรือมีโอกาสซึมต่อลงต่อ ปัจจัยกดดันหลักมาจากความกังวลเรื่องการชะลอตัวของการเติบโตของเศรษฐกิจจีนและราคาน้ำมันที่อ่อนแอ ปริมาณการซื้อขายที่เบาบางลงวานนี้เป็นสัญญาณว่านักลงทุนชะลอการลงทุน การลงทุนเน้นเก็งกำไรระยะสั้น หุ้นขนาดกลาง-เล็กที่มีข่าว หรืองบไตรมาส 3 ที่จะออกมาดี


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.25 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.41 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากหุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวลดลง นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย Sideway เพื่อรอปัจจัยใหม่ หรือมีโอกาสซึมต่อลงต่อ ปัจจัยกดดันหลักมาจากความกังวลเรื่องการชะลอตัวของการเติบโตของเศรษฐกิจจีนและราคาน้ำมันที่อ่อนแอ ปริมาณการซื้อขายที่เบาบางลงวานนี้เป็นสัญญาณว่านักลงทุนชะลอการลงทุน

การลงทุนเน้นเก็งกำไรระยะสั้น หุ้นขนาดกลาง-เล็กที่มีข่าว หรืองบไตรมาส 3 ที่จะออกมาดี หุ้นเด่นเลือก MCS-ASEFA-EA-BDMS-RS-CHG-AOT-CENTEL-MINT-STEC-CK-UNIQ-SEAFCO-SCC-AMATA-ROJNA-WHA-KBANK-TMBKKP และ DTAC

 

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง เปิดเผยถึง ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะทรงตัว เนื่องจากกำลังรอดูตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของหลายๆประเทศ และตัวเลขสถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) ที่จะทยอยประกาศออกมาในวันพฤหัส-ศุกร์นี้ ซึ่งทาง Morgan stanly ยังมองว่าภาคการผลิตน่าจะยังชะลอตัวอยู่

ส่วนตัวเลข GDP ของจีนที่ประกาศออกมาโต 6.9% แม้ว่าจะดีกว่าตลาดคาดโต 6.8% แต่สปีดการโตน้อยไป ในแง่ของนักลงทุนและนักวิเคราะห์ฯจึงยังไม่ค่อยมั่นใจตัวเลขจีนเท่าไร และยังคาดการณ์ว่ารัฐบาลจีนอาจจะมีการออกมากระตุ้นเศรษฐกิจก่อนสิ้นปีนี้ เช้านี้ตลาดหุ้นจีนก็แกว่งไม่มากราว 0.1-0.2% ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็แกว่งทั้งในแดนบวก-ลบ

ด้าน Fund Flow ในสัปดาห์นี้ไม่ค่อยมีเงินเข้ามา และเมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติก็ขายสุทธิด้วย ซึ่งจากที่เก็บตัวเลข 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าเงินเข้าตลาดตราสารหนี้ถึง 5 หมื่นกว่าล้านบาท ส่วนตลาดหุ้นเข้าน้อย 

ดังนั้นวันนี้มองว่าดัชนีฯไม่ควรต่ำกว่าระดับ 1,409 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,430 จุด

 

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (20 ต.ค.) ว่า ตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ของจีนที่ 6.9% สูงกว่าคาดการณ์ แต่ตลาดยังมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจของจีน และทางการจีนเองยังไม่มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใดๆ ออกมา ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง ฉุดดัชนีตลาดหุ้นรอบบ้านเช้านี้ให้ปรับตัวลดลง กรณีดังกล่าวจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะกดดัชนีฯตลาดหุ้นไทยไว้ นอกจากนี้ ปริมาณการซื้อขายที่เบาบางลงในวันก่อน เป็นสัญญาณว่านักลงทุนชะลอการลงทุน ทำให้ดัชนีฯวันนี้ มีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ปัจจัยที่จะมีผลในระหว่างการซื้อขาย จะเป็นเรื่อง ผลการดำเนินงานหุ้นกลุ่มธนาคารที่กำลังทยอยออกมา และการประชุม ครม. หากมีการอนุมัติหรือมีการพิจารณาวาระที่สำคัญๆ จะมีผลต่อตลาดหุ้นด้วย

กลยุทธ์การลงทุน เช่นเดียวกับวันก่อน ที่ตลาดหุ้นมีลักษณะ sideway เพื่อรอปัจจัยใหม่ๆ งบของธนาคารบางตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์กัน และราคาน้ำมันที่ลดลง ทำให้หุ้นกลุ่มหลักๆ วันนี้ดูไม่สดใสนัก แนะนำให้นักลงทุน ชะลอการลงทุน เพื่อรอดูทิศทางตลาดก่อนในวันนี้ หรือเข้าเก็งกำไรช่วงสั้นๆ หุ้นขนาดกลาง-เล็กที่มีข่าว หรืองบไตรมาส 3 ที่จะออกมาดี

สำหรับหุ้นที่คาดว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจในวันนี้ อาทิเช่น EA, BDMS, RS และ CHG

Stock in Focus: ASEFA (ไม่มีราคาเป้าหมาย)

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (20 ต.ค.) คาด SET ยังแกว่งตัวในกรอบแคบ เป็นโอกาสในการเข้าสะสมต่อ โดยถึงแม้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯจะยังแข็งแรง แต่ตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอ ตอกย้ำให้การชะลอขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ไปปีหน้ามีความเป็นไปได้มากขึ้น ขณะที่ฟาก ECB ก็เริ่มมีการพูดถึงการเพิ่มมาตรการ QE ใหม่ ช่วยหนุน SET ในระยะกลาง

ยังแนะลงทุนในหุ้น ที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาล และหุ้นขนาดใหญ่ที่ไม่มีประเด็นกดดัน อย่าง 1) อสังหาฯ 2) ท่องเที่ยว 3) รับเหมาฯ 4) กลุ่มธนาคารเริ่มเห็นงบดีกว่าตลาดคาด (ไม่นับรายการ SSI)

1) ท่องเที่ยว เข้าสู่ช่วง High Season “ซื้อ” AOT, CENTEL,และ MINT

2) มาตรการรัฐฯ “ซื้อ” STEC, CK,UNIQ, SEAFCO, SCC, AMATA, ROJNA และ WHA

3) ธนาคาร งบเริ่มทยอยออกมาดี “ซื้อ” KBANK, TMB และ KKP

 

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (20 ต.ค.) ว่า ตลาดไทยวันนี้มีแนวโน้มซึมลงต่ออีกวัน ปัจจัยกดดันหลักมาจากความกังวลเรื่องการชะลอตัวของการเติบโตของเศรษฐกิจจีนและราคาน้ำมันที่อ่อนแออยู่ต่ำกว่าบริเวณ 50 เหรียญ อย่างไรก็ตาม หากดัชนีพักฐานลงใกล้ 1,400 จุดในช่วงนี้จะเป็นโอกาสให้นักลงทุนเข้าสะสมหุ้นเพื่อเอาไว้เล่นสั้น เพราะโดยรวมตลาดยังคงมีแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ดังนั้น เก็บหุ้นใกล้ๆ 1,400 รอขายเมื่อดัชนีขยับขึ้นไปใกล้ 1,430 จุดอีกครั้งได้

กลยุทธ์: ทยอยขายทำกำไรหากดัชนีอยู่เหนือ 1,420 จุด เริ่มสะสมหุ้นเมื่อดัชนีย่อลงแรง เน้นพื้นฐานดี ปันผลสูง และได้ประโยชน์จากโครงการรัฐ

แนวรับ/แนวต้าน: 1400/1430 สัดส่วนการลงทุน: เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

นักลงทุนระยะสั้น: MCS (15), ASEFA (5.5)

 

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (20 ต.ค.) ว่า ปฎิกริยาการตอบสนองของตลาดหุ้นเอเชียไม่ค่อยตอบสนองหลังตัวเลข GDP ของจีนออกมาดีกว่าที่คาด คือที่ 6.9% (ตลาดคาด 6.8%) ตัวเลข GDP ออกมาดีกว่าคาด รัฐบาลจีนอาจจะยังไม่รีบร้อนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่บางส่วนมองว่าตัวเลขที่ออกมาในไม่ช้าทางรัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเพื่อให้บรรลุเป้า GDP ในปีนี้ที่ 7% ส่วนราคาน้ำมันดิ่งลง 4% จากผลของการแข็งตัวของค่าเงินดอลลาร์ ความกังวลตัวเลขเศรษฐกิจจีนและมีสัญญาณว่าทางอิหร่านอาจจะกลับสู่ตลาดน้ำมันในช่วงตอนสิ้นปี

ทั้งนี้ มองว่าสภาพตลาดในสัปดาห์นี้จะเข้าสู่ภาวะความผันผวน หลังตลาดเริ่มขาดปัจจัยสนับสนุนและความผันผวนที่จะเกิดจากตลาดต่างประเทศ จนกว่าการประเมินงบกลุ่มธนาคารพาณิชย์ผ่านพ้นไป โดยดัชนี SET จะกลับมาแกว่งตัวตามผลดำเนินงานไตรมาส 3/15 โดยเฉพาะงบไตรมาส 3/15 ของกลุ่มธนาคาร และทิศทางน้ำมัน อันส่งผลให้ทิศทางดัชนีจะค่อยๆอ่อนตัวลง โดยวันนี้คาดดัชนี SET จะปรับตัวลงจากแรงขายทำกำไรหุ้นธนาคารหลัง SCB ประกาศงบไตรมาส 3 ที่ลดลง 32% ที่ 9.02 พันล้านบาท (ต่ำกว่าคาดที่ 9.9 พันล้านบาท) และพลังงาน

วันนี้มองแนวรับที่ 1,410-1,405 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,420-1,425 จุด

Themes play: แนะนำ ซื้อ DTAC ราคาเป้าหมาย 77 บาท

Back to top button