FTSE เพิ่มน้ำหนัก 3 หุ้นไทย! CPALL-CPF-MAKRO เล็งเม็ดเงินไหลเข้า 3 พันลบ.

FTSE เพิ่มน้ำหนัก 3 หุ้นไทย! CPALL-CPF-MAKRO เล็งเม็ดเงินไหลเข้า 3 พันลบ. ลุ้นเด้งแรงราคา Laggard ฟาก TIPH,JTS,SINGER เข้าคำนวณดัชนี Small Cap พ่วง 36 หุ้น เข้าวิน Micro Cap มีผลราคาปิด 18 มี.ค.65


บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ CNS ระบุในบทวิเคราะห์ว่า FTSE Rebalance จะมีผลราคาปิดในวันที่ 18 มี.ค. 2565 โดยไทยถูกลดน้ำหนักใน FTSE All World จาก 0.6604% สู่ 0.6546% คิดเป็นเม็ดเงินราว -25 ล้านเหรียญ โดยมีการเปลี่ยนแปลงดังนี้

กลุ่ม Large Cap ไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยเพิ่มน้ำหนัก บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL (44.3 ล้านเหรียญ) หรือประมาณ 1,424.69 ล้านบาท บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF (34.2 ล้านเหรียญ) หรือประมาณ 1,099.87 ล้านบาท และ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO (26 ล้านเหรียญ) หรือประมาณ 836.16 ล้านบาท แต่มีการลดน้ำหนัก BBL, PTT, SCC, SCB, AOT, ADVANC, KBANK, GULF, BDMS, PTTEP ประมาณ -17 ถึง -4 ล้านเหรียญต่อตัว

ส่วนกลุ่ม Mid Cap ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ด้าน Small Cap เข้าคำนวณในดัชนีฯ ได้แก่ TIPH, JTS, SINGER และนำออกจากการคำนวณดัชนีฯ ได้แก่ UV, WHART

ส่วนกลุ่ม Micro Cap เข้าคำนวณในดัชนีฯได้แก่ 2S, ACC, AQ, APCO, B, BIG, CEN, CTW, CMR, CV, CGH, ECL, EE,  FORTH, GJS, IT, MILL, MTI, METCO, NTV, PAP, PTL, SUC, CFRESH, SF, SY, BFIT, SCM, TOG, TVI, TRC, UBE, UVAN, UV, VNG, WICE และนำออกจากการคำนวณดัชนีฯ ได้แก่ BYD, TIPH, MK, NEX, OISHI, QHHR, SABUY, SINGER, SYNEX, XPG

ทั้งนี้ FTSE เพิ่มน้ำหนักลงทุน 3 หุ้นไทยดังกล่าวข้างต้นแล้ว ด้านบล.โนมูระ พัฒนสิน มีการระบุในทวิเคราะห์เมื่อวันที่ (21 ก.พ.2564) โดย CPF คาดมีกำไรสุทธิไตรมาส 4/2564 ที่ 6,555 ล้านบาท โต 2% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, ฟื้นตัวเทียบไตรมาสก่อนหน้า โดยมีรายการพิเศษใหญ่จากการบันทึกมูลค่าเงินลงทุน MAKRO เพิ่มขึ้น 7,000 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานปกติคาดขาดทุน 180 ล้านบาท (เทียบเพิ่มขึ้น 1,999 ล้านบาท ในไตรมาส 4/2563 และขาดทุน 3,750 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2564) ฟื้นตัวเทียบไตรมาสก่อนหน้าจากราคาไก่-หมูไทยฟื้นตัว และปริมาณขายในประเทศฟื้นตัวหลังคลายล็อกดาวน์

นอกจากนี้คาดกำไรปกติไตรมาส 1/2565  ฟื้นตัวต่อเนื่องเทียบไตรมาสก่อนหน้า จากราคาหมูที่ทำ new high และราคาไก่-ไข่-เป็ด และกุ้งเพิ่มขึ้นทำให้ยอดขายเนื้อสัตว์ในประเทศของ CPF เพิ่มขึ้น ทั้งนี้คาดกำไรปี 2565 ที่ 13,679 ล้านบาท โต 6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

ด้าน Valuation โดยราคาหุ้นซื้อขายบน PER ปี 2565 อยู่ที่  14 เท่า และมีปัจจัยบวกจาก FTSE เพิ่มน้ำหนักคิดเป็นเม็ดเงิน 34.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (มีผล 18 มี.ค.22) และโมเมนตัมกำไรฟื้นตัวในไตรมาส 4/2564 และไตรมาส 1/2565

ส่วน MAKRO ให้ราคาเป้าหมาย 50 บาท เนื่องจากกำไรสุทธิไตรมาส 4/2564 ดีกว่าตลาดคาดทั้ง Net profit & Norm profit ที่ดีขึ้นทั้งธุรกิจค้าส่ง และการรวมงบโลตัสที่พลิกมากำไร และโมเมนตัมยังดีต่อในปี 2565 คาดกำไรหลัก 1.2 หมื่นล้านบาท โต 78%

ส่วนปี 2566 อยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท โต 39% จากการเริ่มรวมงบโลตัส ซึ่งคาดกลับมากำไร หลัง MAKRO ปรับโครงสร้างฐานะการเงิน ได้เงินเพิ่มทุนราว 3 หมื่นล้านบาท ลดต้นทุนดอกเบี้ย และคาดเกิด synergy (ตั้งเป้าลดรายจ่ายรวม 2.7 พันลบ. ใน 2 ปีข้างหน้า) รวมถึงธุรกิจ MAKRO เองยังเติบโตดี

ด้าน  Valuation โดยมองเป็นจุดซื้อลงทุนได้ โดยราคาหุ้นซื้อขายบน PER ปี 2565 อยู่ที่ 36 เท่า เพราะเป็นช่วงพึ่งปรับโครงสร้างและรวมโลตัส แต่ PER จะลดเหลือ 26 เท่าในปี 2566 นอกจากนี้ระยะสั้นมีปัจจัยบวกจาก FTSE เพิ่มน้ำหนักคิดเป็นเม็ดเงิน 26 ล้านเหรียญ (มีผล 18 มี.ค.65) และเป็นหุ้น Laggard ในกลุ่มฯ โดยมองราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันเพิ่มขึ้น 1.8% เทียบกลุ่มเพิ่มขึ้น5.6%

ขณะที่ CPALL ให้ราคาเป้าหมาย 72.00 บาท  โดยคาดกำไรปกติไตรมาส 4/2564  ที่ 2,236 ล้านบาท ลดลง 43% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เติบโต 52% เทียบไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วตั้งแต่ไตรมาส 3/2564 โดยจะฟื้นตัวเด่น โต 52%  เทียบไตรมาสก่อนหน้า จากสาขาเดิม (SSSG) ที่พลิกบวกทั้งร้านสะดวกซื้อ โต 3% จากลดลง 9.2% ในไตรมาส 3/2564 และ MAKRO โต 4% จากโต 1.3% ในไตรมาส 3/2564

ส่วนโมเมนตั้มในไตรมาส 1/2565 คาดจะดีขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งคาดกำไรจะกลับมาโตทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ตามปัจจัยหนุน 1) SSSG บวกมากขึ้น 2) คาดดอกเบี้ยจ่ายจะลดลง ส่วนช่วงที่เหลือของปีคาดจะเริ่มทยอยเห็น synergy จากการควบรวมกิจการระหว่าง MAKRO และโลตัสมากขึ้น ทั้งนี้ทำให้คาดกำไรปกติปี 2565 ที่ 1.79 หมื่นลบ. (โต 115% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน)

ด้าน Valuation โดยซื้อขายบน PER ปี 2565 อยู่ที่ 35 เท่า มองเป็นจุดทยอยสะสมได้ ซึ่งปีนี้คาดจะเริ่มทยอยเห็น synergy จากการควบรวมกิจการระหว่าง MAKRO และ โลตัส อีกทั้งระยะสั้นมีปัจจัยบวกจาก FTSE เพิ่มน้ำหนักคิดเป็น เม็ดเงิน 44.3 ล้านเหรียญ (มีผล 18 มี.ค.)

Back to top button